Oct 28, 2009

7 นิสัยของคนใช้ชีวิต...เริ่มต้นด้วยการดูแลตัวเองให้ดี

เราจะสามารถอยู่หรือทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างไร ถ้าเราไม่สามารถจัดการกับตัวเองได้ก่อน หากเราไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เราก็พึงพากันและกันกับคนอื่นไม่ได้ ได้เพียงแค่พึ่งพิงคนอื่นเท่านั้น

ความสามารถในการดูแลตัวเองได้ สัมพันธ์โดยตรงกับการเคารพนับถือตัวเอง ความรับผิดชอบต่อตัวเอง และความสัตย์ซื่อ

3 นิสัยแรกจาก 7 นิสัย เป็นเรื่องของตัวเราเอง - การเริ่มต้นทำก่อน, การสร้างเป้าหมาย และ การทำสิ่งที่สำคัญก่อน

เราต่างมีเรื่องที่เป็นกังวล และเรื่องที่เราสามารถจัดการหรือทำอะไรได้ การให้ความสนใจเรื่องที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ (เช่น เรื่องในอดีต) เป็นการเสียทรัพยากรอย่างสูญเปล่า เช่น หากเราเป็นห่วงความรู้สึกของแฟนเรา สิ่งที่เราทำได้ คือ รัก ใส่ใจดูแล ซื่อสัตย์ แต่เขาจะรู้สึกดีหรือไม่ นั่นเป็นส่วนของเขาซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา

สิ่งนี้ทำให้ความหมายของคำว่า "รับผิดชอบ" ของผมเปลี่ยนไป จากการทำตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างดี กลายเป็น ในความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน ผมสามารถทำอะไรได้บ้าง และได้ทำเต็มที่อย่างสมดุลย์กับเรื่องอื่นๆในชีวิตของผมหรือยัง จากการเล่นเชิงรับ เปลี่ยนเป็นการเล่นเชิงรุก แม้จะเพิ่งเริ่มต้น แต่มันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงล่ะนะ

นิสัยการเริ่มต้นทำก่อน มีพื้นฐานมาจากการมองเห็นภาพในความคิด เราจำเป็นต้องใช้สมองซีกขวาจินตนาการทางเลือกว่าเราสามารถตอบสนองหรือทำอะไรได้บ้างในแต่ละเหตุการณ์นั้นๆ

ส่วนนิสัยการสร้างเป้าหมาย ตั้งอยู่บนหลักการการนำตัวเอง

ผู้นำต่างจากผู้จัดการ

ผู้นำคือคนที่ชี้ให้ทำในสิ่งที่ใช่ สิ่งที่ถูกต้อง ขณะที่ผู้จัดการทำสิ่งนั้นๆ อย่างถูกต้อง
การเร่งรีบเดินทางให้ถึงจุดหมาย อาจกลายเป็นเพียงการช่วยให้เราพบว่า เรามาถึงผิดที่เร็วขึ้นเท่านั้น

ผู้นำจึงไม่เพียงใช้สมองซีกขวาจินตนาการทางเลือก แต่ใช้สมองซีกซ้ายคิดและเลือกจุดหมายปลายทางอย่างมีเหตุผล แล้วกลับมาใช้สมองซีกขวาอีกครั้ง เพื่อทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จเป็นครั้งแรกในความคิดของเรา

การเริ่มต้นด้วยภาพสุดท้ายในความคิดยิ่งชัดเจนเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้เราเห็นเส้นทางและวิธีการในการทำให้ภาพนั้นสำเร็จได้มากเท่านั้น คนส่วนใหญ่มักทำงาน / ใช้ชีวิต ด้วยกรอบความคิดของผู้จัดการ ซึ่งเน้นที่ "วิธีการ" และ "ความเร็ว" ในการแก้ไขปัญหาหรือสร้างความสำเร็จ แต่กรอบความคิดของผู้นำ สนใจ "เป้าหมาย" เรากำลังทำในสิ่งที่ใช่ ใช่หรือไม่

ภาพความสำเร็จครั้งแรกในความคิดของเรา จะสำเร็จเป็นครั้งที่2 ในทางกายภาพด้วยทักษะในการจัดการ ด้วยนิสัยการทำสิ่งที่สำคัญก่อน (put the first things first) ซึ่งเป็นเรื่องของการจัดการตัวเอง นั่นรวมถึงการตอบปฏิเสธบางสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมและจุดมุ่งหมายในใจของชีวิตเราด้วย

สิ่งสำคัญคืออะไร เราจะทำสิ่งสำคัญก่อนได้อย่างไร เป็นคำถามที่ตอบได้ด้วยการใช้กรอบความคิดเชิงรุก การเริ่มต้นทำก่อน ซึ่งจะส่งเสริมให้เราเป็นนายของตัวเอง แน่นอนว่าเป็นเรื่องไม่ง่าย ต้องอาศัยการการฝึกฝน ความมุ่งมั่น การรักษาพันธสัญญากับตัวเอง แต่ยิ่งเราใช้ชีวิตตามหลักการที่ถูกต้องมากเท่าไหร่ ชีวิตเราก็จะยิ่งมีเสรีภาพจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ รอบตัวมากขึ้นเท่านั้น

30 ปีที่ผ่านมาของผม...ไม่รู้สิ ไม่รู้จะอธิบายด้วยคำว่าอะไรดี หลายคนอาจจะมองว่ามันเสียเปล่า และพยายามช่วยจัดการปัญหา ผมซาบซึ้งในความรัก ความห่วงใย ความหวัง...

เอาเป็นว่า มันผ่านไปแล้ว ผมตั้งใจจะไม่เก็บมันไว้เป็นข้ออ้างเหตุผลหลอกๆให้กับตัวเองในปัจจุบันอีก เพียงแค่เรียนรู้ไว้เป็นประสบการณ์

บางคนอาจไม่เข้าใจ หรืออาจมองเป็นเรื่องเล็กๆที่ไม่สำคัญ แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับผม เพราะสิ่งที่สำคัญและผมทำได้นับตั้งแต่นี้ คือ เริ่มต้นดูแลตัวเองให้ได้อย่างดี

Oct 23, 2009

7 นิสัยของคนใช้ชีวิต...อารัมภบท: ห่านกับไข่ทองคำ

หยิบ 7 Habits of highly Effective people / Stephen R. Covey มาปัดฝุ่นอ่านอีกครั้ง อ่านรอบนี้ ความคิดและชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปอีกหลายเรื่องทีเดียว

หลายคนคงคุ้นเคยกับนิทานอีสปเรื่องห่านออกไข่เป็นทองคำกันดี ห่านออกไข่เป็นทองคำทุกวัน วันละ 1 ฟอง เจ้าของเอาไปขายได้เงินมากมาย แล้วเจ้าของก็ฆ่าผ่าท้องห่าน หวังจะเอาทองทั้งหมดไปขายในคราวเดียว แต่ท้องห่านว่างเปล่า สุดท้ายไม่เหลือทั้งห่านไม่ได้ทั้งทอง...
เราเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง โลภมากลาภหาย... เพียงแค่นั้นเองหรือ

... เราเร่งทำงานหามรุ่งหามค่ำ แล้วก็เจ็บป่วยในท้ายที่สุด...
... เราสั่งลูก(น้อง)ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อให้ได้ผล(งาน)ตามคุณภาพที่ต้องการ แต่ทำให้ลูก(น้อง)กลัวเรา และทำงานไม่เป็น...
... ผู้จัดการฝ่ายผลิตเปิดเครื่องจักรผลิตสินค้าทั้งวันทั้งคืน ไม่หยุดพัก บริษัททำยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่หลังจากผู้จัดการคนนี้ย้ายออกไปแล้ว งบซ่อมบำรุงก็สูงขึ้นมาก จนการเปลี่ยนเครื่องจักรอาจคุ้มกว่า...
... GDP ของประเทศสูงขึ้นทันทีภายในไม่กี่ปี แต่หลังจากเปลี่ยนรัฐบาล จึงพบว่าหนี้ประชาชาติสูงขึ้นเกียบ 10 เท่า ภายในระยะเวลาไม่ถึง 8 ปี ของรัฐบาลชุดก่อน...
คุ้นๆ กับเรื่องพวกนี้บ้างไหม

ผลิตผลหรือผลงานเป็นเรื่องสำคัญ แต่ประสิทธิผลของการทำงานไม่ได้หมายถึงผลงานตามเป้าหมายในระยะสั้นๆ เท่านั้น เป็นเรื่องสำคัญ ที่เราต้องผลิตผลงาน โดยพิจารณาเรื่อง "ความสามารถในการผลิต" ไปพร้อมๆกัน เพราะสิ่งนี้จะเพิ่มผลผลิตของเราในระยะยาว

ลองหยุดคิดสักนิด... ว่าจริงไหม

เรารู้ว่า ถ้าเราเก่งภาษามากกว่านี้ เราจะได้งานดีขึ้น มีรายได้มากขึ้น แต่เราก็วุ่นกับงานในตอนนี้ จนไม่มีเวลาไปเรียนหรือแม้แต่ฝึกภาษาเพิ่มเติม...
เรารู้ว่า น้ำหนักตัวเรามากเกินไป เรามีไขมันสะสมที่หน้าท้อง เราจำเป็นต้องออกกำลังกาย แต่เราก็มีอะไรเร่งด่วนต้องทำเต็มไปหมด...
เรารู้ว่า การพักผ่อนที่เพียงพอ ทำให้เรามีความสดชื่นในการทำงานวันรุ่งขึ้น แต่บ่อยครั้งเราก็ทำงานติดพันดึกดื่นเกินเที่ยงคืน...
จริงๆแล้ว เราไม่ได้มีงานมากเกินไป ปัีญหาไม่ได้อยู่ที่เราไม่จัดลำดับความสำคัญของงาน ปัญหาอยู่ที่ว่าเรา นิยาม ความหมายของ "งานสำคัญ" ว่าอย่างไร

การละเลยเรื่องสำคัญ จะทำให้เรื่องสำคัญกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน ยิ่งเรามีงาน "เร่งด่วน" มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะท้อนว่าที่ผ่านมา เราละเลย "เรื่องสำคัญ" มากเพียงไร
นั่นยิ่งหมายถึง ความจำเป็นในการควบคุมตัวเองให้สนใจกับเรื่องสำคัญมากขึ้น ต้องรู้จักปฏิเสธงานเร่งด่วน ซึ่งเรียกร้องทรัพยากรอย่างมากในการทุ่มเทจัดการ เพื่อทำงานสำคัญ หรือ อาจรวมถึง การลดเรื่องสนุกสนานที่บ่อยครั้งมักไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน (แต่เราชอบทำ) เพื่อจัดการทั้งงานสำคัญและงานเร่งด่วนได้มากขึ้น

งานที่สำคัญ จะทำให้เราเติบโตขึ้น แข็งแรงขึ้น มีความสามารถในการทำงานมากขึ้น หากเราสนใจและลงมือทำอย่างถูกต้องในสิ่งที่ถูกต้อง เราก็จะได้รับผลที่ดีตามมาอย่างเป็นธรรมชาติ

ที่ผ่านมา ผมเองก็ละเลย ปล่อยให้คนอื่นบงการชีวิต จนสูญเสียศักยภาพและความสามารถหลายๆอย่างไป แ่ต่วันนี้ผมแข็งแรงขึ้นและตัดสินใจที่หันกลับมาดูแล "ห่าน" ทุกตัวของผมอย่างดี แม้วันนี้พวกมันยังไม่แข็งแรง อาจออกไข่ไม่ได้ แต่ผมรู้ว่า วันหนึ่ง (เร็วๆนี้) มันจะแข็งแรง และออกไข่ทองคำให้ผมได้อย่างแน่นอน

ไม่จำเป็นที่เราจะต้่องกังวลว่าเราจะได้รับไข่ทองคำจนถึงเมื่อไหร่ หากเราดูแลรักษา ให้อาหาร "ห่าน" ด้วยความใส่ใจ เราจะได้รับ "ไข่ทองคำ" จากห่านอย่างแน่นอน

คำถามสำคัญและเร่งด่วนก็คือว่า วันนี้ อะไรคือ "ห่าน" ของเรา และเราดูแลห่านของเราดีแค่ไหนกัน

Oct 6, 2009

บันไดหินสู่ความสำเร็จ

เพิ่งอ่านหนังสือ failing Forward (ล้มไปข้างหน้า) / John C. Maxwell จบเมื่อวาน

เป็นประสบการณ์การเดินทางผ่านหนังสือที่เป็นประโยชน์มากๆ อีกครั้งหนึ่งกับชีวิต
โดยเฉพาะทัศนคติเรื่อง ความล้มเหลว เปลี่ยนไปเยอะมากๆ

เมื่อก่อนชอบมองตัวเองว่าเป็น คนขี้แพ้ จะพยายามบอกตัวเองอย่างไร จะพยายามเชื่อขนาดไหน ในใจลึกๆ ก็ยังมีคำว่า คนขี้แพ้ ตีตราอยู่ ไม่ค่อยกล้าจะทำอะไร เพราะกลัวล้มเหลว ชอบโทษคนอื่น ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองทำผิด หาเหตุผลมาสนับสนุนสิ่งที่ตัวเองทำได้เสมอ สร้างความถูกต้องชอบธรรมให้กับตัวเองได้ตลอด เป็นข้อยกเว้นจากกฎเกณฑ์ทั่วไป ที่อดทำให้ตัวเองรู้สึกเป็นคนพิเศษไม่ได้ ทั้งที่ความจริง ผมก็เป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง

ดูเหมือนสวรรค์จะเป็นใจ ระหว่างอ่านหนังสือเล่มนี้ เหตุการณ์รอบๆตัวกลายเป็นบททดสอบในชีวิตจริงชั้นเยี่ยม ผมต้องเลือกว่าจะให้สิ่งที่อ่านมานำมาซึ่งความรู้ที่เพิ่มขึ้น หรือจะเรียนรู้และลงมือทำมันจริงๆ

มันไม่ง่ายเลย แต่ผมก็เริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ พอเห็นผลดีมากขึ้น ก็เริ่มกล้าทำสิ่งที่ยากขึ้นเรื่อยๆ

ความผิดพลาด มันก็คือความผิดพลาด มันเกิดขึ้นตรงนั้น แล้วมันก็อยู่ตรงนั้น เเต่ชีวิตคนเราจะก้าวหน้าต่อไป หรือจะจมติดอยู่กับมัน เราเลือกได้
ความผิดพลาดมันอาจจะเกิดขึ้น ต่อเนื่อง บ่อยๆ แต่ไม่ได้แปลว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ของเราทั้งหมดจะัต้องอยู่กับมันไปตลอด คนเราเปลี่ยนแปลงได้ การเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก็เปลี่ยนผลปลายทางไปได้มาก

ณ ตอนนี้ ดูเหมือนสถานการณ์จะยากลำบากขึ้น แต่ผมกลับรู้สึกมีสันติสุขมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้ว่า ผมกลับใจใหม่มาเลือกทางที่ถูกต้อง ผมยินดีรับผลจากความผิดพลาดของผม ขณะเดียวกัน ผมก็คาดหวังพระคุณและการช่วยเหลือ ที่สำคัญผมรู้ว่า ตอนนี้ผมหันหน้าอยู่ในทางที่ถูกต้องแล้ว เพียงแต่พากเพียรเดินหน้าต่อไป ไม่ล้มเลิก ผมจะได้รับบำเหน็จรางวัลที่มีคุณค่า คุ้มค่ากับเดินทาง ทีละก้าวย่างบนบันไดหินที่ชื่อว่า "ความผิดพลาด"

ป.ล. ตอนที่อ่านหนังสือจบ
สรุปคำออกมาได้ 5 คำ แล้วก็ถามตัวเองว่า มันพอไหมสำหรับการเดินทางสู่ความสำเร็จ
ตลกดี คำเหล่านี้ยืนยันด้วยตัวมันเองว่า พอดิ!!

Positive attitude: ทุกสรรพสิ่ง ชีวิตนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ทัศนคติ ล้วนๆ
Obvious goal: มีเป้าหมายที่ชัดเจน ยอมรับรู้ ความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง
Realistic planning: วางแผนที่เป็นไปได้จริง
Do it now: ลงมือทันที
Improve continually: ปรับปรุงต่อเนื่อง ไม่ล้มเลิกง่ายๆ

POR-DI !!