Mar 26, 2008

เคยไหม...

เวลาที่ต้องคิด ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญสักเรื่องเพียงลำพัง
เวลาที่ตัวเอง เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง
เวลาที่ต้องย่างเท้า ออกจากพื้นที่แห่งความสบายใจ (Comfort zone)
เวลาที่รู้สึก เป็นคนเล็กน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับสิ่งที่เห็นอยู่ไกลๆว่ากำลังจะต้องเผชิญ
เวลาที่ไม่รู้ ว่าความสามารถที่มีอยู่จะพอเพียงหรือไม่
เวลาที่ความเร็วรอบในการหมุน เร็วมาก เร็วเสียจนมองด้วยตาเปล่า เห็นเสมือนหยุดอยู่นิ่งเฉย
เวลาที่ต้องคุมใจให้นิ่งที่สุด ในขณะที่มันสั่นเต้นโลดโครมครามอย่างที่สุด
เวลาที่อุปสรรคใหญ่เดียว คือ จิตใจของตนเอง

เวลาแห่งการเลือกคันไถ
เวลาแห่งการเลือกผืนนา
เวลาแห่งการสร้างเรือน
เวลาแห่งการลงหลักปักฐาน
เวลาแห่งการผูกพันนิรันดร์กาล... อาจจะดูเหมือนพูดเกินไป แต่ไม่น้อยกว่าความเป็นจริงเลย
เวลาที่รู้อยู่เต็มอก ว่าผลจากการเลือกครั้งนี้ จะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล.. ชีวิตของเราจะไม่มีวันได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

เวลาที่ความกลัวและความหวั่นไหวมีอยู่เต็มอก
เวลาที่อยากจะก้าวข้ามความกลัวและความหวั่นไหวเหล่านั้น
เวลาที่ สวรรค์ รับรู้ และ รับรอง

--------------------------------------------------------------------------------
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา นมัสการพระเจ้า
สิ่งเดียว ที่บอกกับพระเจ้า คือ ผมรู้สึกกลัวและหวั่นไหว
จากการทรงนำและการทรงเรียกของพระองค์
ผม อยากจะตอบสนองอย่างที่พระเจ้าพอพระทัย แต่ผมกลัวเหลือเกิน ที่จะเลือกสิ่งที่ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่า พระเจ้าทรงประสงค์สิ่งใด
ขอทรงบอกกับผม ให้ผมมั่นใจขึ้นอีกสักนิด
... สิ่งเดียวที่พระเจ้าพูดกับที่ประชุม มาถึงเรา “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรืออย่าหวั่นไหวเลย เราเป็นพระเจ้า ผู้อยู่กับเจ้า”

เช้าวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ คนเดียวที่ผมระลึกถึงและอยากจะขอคำปรึกษา เขาโทรศัพท์มาหาผม เพียงเพราะเขาโทรศัพท์หาผิดคน ใครจะเชื่อว่า ความผิดพลาดของคนคนหนึ่ง คือ การสร้างความมั่นใจให้กับอีกคนหนึ่งอย่างมาก

ผมมีความเชื่อขึ้นอีกมาก ว่าพระเจ้าทรงนำย่างเท้าของเรา ก้าวต่อก้าว จริงๆ แม้ก้าวต่อไป ดูเหมือนจะ “เปลี่ยน” ไปจากเส้นทางของก้าวที่แล้ว พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยหรือ เปล่าเลย ในพระองค์ไม่มีความแปรผัน พระองค์เพียงทรงขยายขอบเขตแห่งความเข้าใจของเราให้ใกล้พระองค์มากขึ้นต่างหาก ขอบคุณพระเจ้า

ปล. ผม กำลังจะเปลี่ยนงานครับ

Mar 24, 2008

แนวต้าน

หากเคยฟังข่าวเศรษฐกิจ คงเคยได้ยินคำว่า "แนวรับ" "แนวต้าน" เวลามีข่าวเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือการซื้อขายหุ้นนั่นเอง

โดยปกติ หลักทรัพย์(หุ้น)ตัวหนึ่ง จะมีมูลค่าที่ควรจะเป็น ณ ราคาหนึ่ง ราคาที่ควรจะเป็นนี้ สะท้อนถึง ความเชื่อมั่น ที่นักลงทุนเชื่อว่าหุ้นตัวนั้นสามารถสร้างกำไรกลับมาได้ในอนาคตมากน้อยเท่าไหร่
หากว่าราคาที่ควรจะเป็นต่ำกว่าราคาตลาดของหุ้น นักลงทุนก็จะขายหุ้นตัวนั้นออกมา ขายจนถึงระดับราคาหนึ่ง (ควรเท่ากับราคาที่ควรจะเป็น) ที่มีคนอื่น เชื่อว่า ณ ราคานั้น คุ้มค่ากับการลงทุน ก็จะเข้ามาช้อนซื้อ ระดับราคานี้ เราเรียกว่า "แนวรับ"
ตรงข้าม หากว่า ราคาตลาดปัจจุบัน ต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็นของหุ้น นักลงทุนก็จะซื้อเก็บไว้ ใครๆก็จะซื้อ ราคาหุ้นก็จะเพิ่มสูงขึ้นจนถึงราคาหนึ่งที่เห็นว่า ได้กำไรหากขายต่อ หรือไม่คุ้มหากจะซื้อเพิ่มในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ณ ตอนนั้น ก็จะมีการเทขายออกมา ระดับราคาตรงนี้ เราเรียกว่า "แนวต้าน"

"แนวต้าน" จึงเป็นเหมือนเส้นขอบทางจิตวิทยาการลงทุน สะท้อนถึงความเชื่อ ที่นักลงทุนมีต่อ ความสามารถในการสร้างกำไรของหุ้นตัวนั้นในอนาคต

ราคาที่ควรจะเป็น หรือ ราคาเหมาะสม สามารถหาได้จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งมีหลากหลายวิธีคิด แต่ประเด็นหลัก คือ นักวิเคราะห์ ต้องมีข้อมูลสำคัญจำเป็น ที่มากเพียงพอ

หลายครั้ง ราคา จึงทะลุแนวต้านเดิม ไปทดสอบ แนวต้านใหม่ เพราะมีคน เชื่อ ในศักยภาพของหุ้นตัวนั้น

เหมือนชีวิตคนเรา...

หลายครั้ง เราไม่เชื่อมั่นทั้งในตัวเอง และต่อคนอื่น เพราะ ประสบการณ์ในอดีต เจออย่างงี้ทีไร ก็ล้มทุกที หลายครั้งเข้า สิ่งนั้น ก็กลายเป็น แนวต้าน ในชีวิตของเรา ทั้งในการใช้ชีวิตตัวเอง และมอบหมายภารกิจให้ผู้อื่น

บางคน จึงมอง แนวต้าน เป็นขอบเขตข้อจำกัดของชีวิต
แต่สำหรับอีกหลายคน เรามอง แนวต้าน เป็นโอกาส

แนวต้าน ของชีวิตในวันนี้ คือ ฐานของชีวิตที่เติบโตขึ้นในวันพรุ่งนี้

ในภาษากรีก คำว่า ปัญหา ( PROBLEM ) แปลว่า ทำให้เคลื่อนไปข้างหน้า

ไอสไตน์ เคยกล่าวไว้(ประมาณนี้)ว่า "ในการแก้ปัญหาหนึ่ง เราจำเป็นต้องใช้ระดับคิดที่สูงกว่าตอนสร้างปัญหานั้นๆ" เราไม่สามารถใช้ระดับคิดเท่าเดิมกับตอนสร้างปัญหา มาคิดแก้ปัญหาได้ เพราะเราจะคิดไม่ออก

หากมี หุ้น สักตัวหนึ่ง ที่มีการ ทดสอบแนวต้านใหม่ อยู่อย่างสม่ำเสมอ น่าสนใจว่าหุ้นตัวนั้นคงมี ปัจจัยพื้นฐาน บางอย่างที่ดี ถือเป็นหุ้นห่านทองคำที่สมควรหามาไว้ในครอบครองยิ่ง
ฉันใดก็ฉันนั้น

ชีวิตคนหนึ่งคน ที่ทำการทดสอบ แนวต้านใหม่ๆ อยู่เสมอ สะท้อนถึงการมีพื้นฐานชีวิตที่ดี น่าจะเป็นชีวิตที่เกิดผลเกิดประโยชน์ให้กับมนุษยชาติได้อีกเยอะ

But they that wait upon the Lord shall renew their strength; they shall mount up with wings as eagles; they shall run, and not be weary; and they shall walk, and not faint. Isaiah 40:31 KJV(ขออภัย ที่ใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยไม่ถึงใจพอ)

สู้กันต่อไปนะ ชาวโลก ^^

Mar 10, 2008

เตรียมใจ...

เมื่อก่อนผมชอบเล่นเกมส์มาก (ตอนนี้ ก็ยังชอบอยู่ แต่ไม่มีเวลาว่างเล่นซะที) พวกเกมส์แนววางแผน สู้รบ วางกลยุทธ์ ทำเป้าหมายให้สำเร็จ โดยเฉพาะเกมส์ civilization กับ Heroes ชอบมากๆ (รู้แล้วเหยียบไว้ เคยนั่งเล่น 3วัน3คืน ติดต่อกัน.. อย่าบอกแม่ผมนะ)

เวลาเล่นเกมส์พวกนี้ เมื่อเราทำภารกิจหนึ่งสำเร็จ หรือมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถ พัฒนาความสามารถ ทักษะของตัวเองได้ ซึ่งเราก็ต้องเลือกว่าเราต้องการ เป็น แบบไหน ถึงจะสามารถบรรลุภารกิจทั้งหมดได้

เกมส์นี้ให้ข้อคิดสอนใจผมในการเป็นนักวางกลยุทธ์หลายอย่าง (เกมส์ก็มีประโยชน์นะครับ ถ้าเล่นให้เป็น แต่ถึงขนาด 3วัน3คืน อันนี้คงเกินไปละ) หนึ่งในสิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ เรื่องการเตรียมใจรับความเสี่ยงจากการเลือก

เวลาที่ต้องสร้างเมือง ในขณะที่มีทรัพยากรอย่างจำกัด เราจะเลือกสร้างอะไร หากเอาแต่สร้างเงิน เศรษฐกิจดี แต่การทหารอ่อนแอ เมืองเราก็จะเป็นที่หมายปองของทุกคน เอาแต่ทหารเมืองแข็งแกร่ง แต่จน สุดท้าย ก็มีแต่ทหารไร้ฝีมือ หรือหากใส่ใจเรื่องการศึกษา การสร้างคน ซึ่งดูเหมือนไม่ได้ส่งผลอะไร ผ่านไประยะหนึ่ง เมืองจะมีอัตราการพัฒนาอย่างรวดเร็วในอัตราเร่ง (ลองนึกภาพว่า เราแข็งแกร่ง ฉลาด และรวย มากกว่า คนอื่น วันละ10% ทุกวัน)

ในแต่ละตาเดิน ทุกสิ่งล้วนสำคัญและส่งผลต่อการบรรลุภารกิจ แต่เรา เลือก ได้เพียงอย่างเดียว และต้องรับผลจากการเลือกนั้น การดำเนินกลยุทธ์ผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ แม้เพียงตาเดินเดียว อาจหมายถึงภารกิจล้มเหลว (และความสูญเปล่าของ 3วัน3คืน)ในที่สุด

นั่นอาจจะเป็นเพียงเกมส์ แต่ในชีวิตจริง การสร้างองค์กร บริษัท คริสตจักร เมือง ประเทศ หรือแม้แต่ครอบครัว ก็ต้องอาศัยการวางยุทธศาสตร์ ที่เหมาะสมทั้งนั้น ซึ่งผมคิดว่า คนในชุมชนนั้นๆ ทุกคน ควรมีโอกาสได้รับรู้ว่า เขาจะต้องเตรียมใจ รับผลอะไรบ้าง จากการทำ/ไม่ทำอะไร

ตั้งใจจะพูดถึงแค่เรื่องส่วนบุคคลเท่านั้นเองนะเนี่ย ออกนอกเรื่องไปไกลเลย

กลับมาเรื่องเกมส์ต่อ เมื่อ Hero ได้ ระดับ เพิ่มขึ้น จะต้องเลือกว่า จะเพิ่มพลังโจมตี หรือ เพิ่มพลังป้องกัน ตอนแรกๆ ผมชอบความสมดุลย์ค่อนไปทางป้องกัน เพราะคิดขยักขย่อน กลัวโดนสวนกลับแล้วตาย ก็เล่นชนะบ้างแพ้บ้าง แต่มีครั้งหนึ่งที่ผมเกิดความคิดบ้าๆ ผมเลือกเพิ่มเฉพาะพลังโจมตีเท่านั้น

เลือกเอามันส์แบบนี้ ผมคิดว่าคงตายเร็วแน่ๆ แต่ปรากฏว่าเล่นได้เกือบจบภารกิจ ต่อมาจึงพัฒนารูปแบบการเล่น โดยเลือกเพิ่มพลังโจมตีให้ Hero เลือกใช้อาวุธและเกราะที่เพิ่มพลังป้องกัน เลือกทหารที่มีความเร็วสูงในการโจมตีและมีความสามารถในการใช้เวทย์มนต์ ซึ่งก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำภารกิจต่างๆให้สำเร็จ

....

ทีมกีฬา ที่เตรียมใจแพ้ มัก พลิกชนะ (เช่น FA cup ปีนี้ Big4 ปิ๋วเรียบ)
ทหาร ที่เข้าสู่สมรภูมิด้วยเตรียมใจตายเพื่อชาติ มักรอดชีวิตกลับบ้าน

เหมือนเวลาเราฟันดาบออกไป การเตรียมตัวป้องกันการโจมตีกลับ กลายเป็นการลดทอนพลังดาบของเราในการโจมตี แต่การเตรียมใจตาย แล้ว ฟันดาบเพื่อโจมตีเพียงอย่างเดียว กลายเป็นการปิดโอกาสโจมตีกลับจากฝ่ายตรงข้าม (อีกนัยหนึ่ง คือ เพิ่มพลังป้องกันของเรานั่นเอง)

....

พระคัมภีร์ เอาไว้ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ในการให้ความรู้ การตักเตือน การปรับปรุงแก้ไข และการสั่งสอน เพื่อเราจะ เป็น คนที่สมบูรณ์ พร้อมที่จะทำดีทุกอย่าง (2ทธ.4:16-17)
ความรัก ผูกพันทุกอย่างให้สมบูรณ์ (คส.3:14) ลบล้างความผิดได้ทั้งสิ้น (1ปต.4:8)

ความจริง กับ ความรัก หากคนใช้ไม่เป็น 2 สิ่งนี้กลับลดทอนพลังต่อกันและกัน แต่หากใช้เป็น ... สุดยอดครับ

ในอีกมุมหนึ่ง เมื่อคิดกับตัวเอง การดำเนินชีวิตติดตามพระเจ้า การใช้ชีวิตใน สถานะ ของผู้รับใช้ เรา เตรียมใจ ของตัวเราเองหรือยัง

... เตรียมใจที่จะเสีย(สละ)ชีวิต(และความฝัน ความตั้งใจ)ของตัวเองเพื่อรอยยิ้มของพระเจ้า... อาจจะไม่ได้ดั่งใจ อาจจะไม่มีกิน อาจจะไม่มีเงินมาก อาจจะไม่มีเกียรติ อาจจะไม่ได้แต่งงาน อาจจะไม่มีคนยอมรับ อาจจะถูกด่าว่าโง่ อาจเจ็บปวดทรมาน อาจจะตายจริงๆ... เตรียมใจหรือยังครับ (มธ.16:25)

ผม เตรียมใจแล้วครับ

ดาบที่ฟันโดยไม่เตรียมใจ ฟันอะไรไม่เคยเข้าฉันใด ชีวิตที่ยังไม่ได้เตรียมใจตายเพื่อใคร/สิ่งใด ก็ไม่อาจทำสิ่งใดให้สำเร็จได้ฉันนั้น

Mar 5, 2008

หมุดปักเต็นท์ กับ การขยายขอบเขตชีวิต

วันนี้นั่งฟังน้องคนนึงเล่าเรื่องเพื่อนของเขาที่เลือกเกิดเป็นหญิงไม่ได้ แต่เลือกใช้ชีวิตแบบผู้หญิงได้ ฟังเพลินๆ คิดเชื่อมโยงไปมา อยู่ๆก็เข้าใจเรื่องของขอบเขตชีวิตมากขึ้น

ปกติคนเราเลือกอย่างมีเหตุผลและเลือกในสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุด ดังนั้น การที่คนหนึ่งคนยอมที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต เพราะเขาเห็นว่าชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งที่ดีกว่า

ดังนั้นแล้ว คนที่เป็นนักเรียนรู้ตลอดชีพ ชีวิตของเขาจะขยายได้ไม่จำกัด ยิ่งสะสมความจริงไว้ในชีวิตมากเท่าไหร่ ชีวิตยิ่งขยายออกมากเท่านั้น

คิดถึงตรงนี้ ก็นึกพระคัมภีร์ข้อหนึ่ง (อิสยาห์54:2) ที่บอกว่า จงขยายสถานที่แห่งเต็นท์ของเจ้า... พระคัมภีร์ใช้คำว่า enlarge เป็นคำที่ให้ภาพชัดเจนมาก เพราะในการขยายเต็นท์สมัยก่อน ต้องทำการขยายหมุดปักทุกตัวออกในทุกทิศทาง ความใหญ่ของเต็นท์หลังใหม่จึงยังมี(พระเจ้าเป็น)จุดศูนย์กลางเดิม น่าเสียดายที่บางคนเข้าใจตามรูปแบบไปว่า เราต้องขยายชีวิตออกทุกด้าน"อย่างเท่าๆกัน"

ขยายชีวิตทุกด้านน่ะใช่ แต่ไม่ใช่ทุกด้านเท่ากันแน่ การขยายชีวิตอย่างสมดุลย์ จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล ตราบเท่าที่โลกนี้ยังไม่มีใครเกิดมาเหมือนกัน 100%

และถ้าดูจากพระคัมภีร์ข้อนี้กันจริงๆ ก็จะพบลักษณะของการขยายชีวิตที่น่าสนใจ ดังนี้
1. ขยายออกด้วยการแก้ไขสิ่งที่หย่อนยานให้ตึงพอดี (stretch) คล้ายๆการตั้งสายกีตาร์น่ะ ดังนั้น ต้องรู้จักประมาณตัวเองด้วยว่าการเหยียดสุดของเราอยู่ตรงไหน
2. ขยายออกจากสิ่งที่มีอยู่ (spare not) นำมาใช้ซะวันนี้ ไม่ต้องเผื่อวันหน้า ไม่หวง ไม่กั๊ก ลองมองดูว่าสิ่งรอบตัวที่มีอยู่ในมือเรา อะไรที่วันนี้ เวลานี้สามารถนำมาใช้พัฒนาชีวิตเราได้
3. ขยายออกด้วยการเสริมเพิ่ม ทำให้ยาวขึ้น (lengthen) อ่านหนังสือมากขึ้น ใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น อยู่กับคนมากขึ้น พอจะเห็นภาพนะครับ อะไรก็ได้ซึ่งมักเป็นสิ่งที่เราเองก็ไม่ค่อยได้ทำมาก่อน

ถ้าจะสรุปง่ายๆ สำหรับ 3 ขั้นตอนแรก ซึ่งเน้นที่ เชือก 1. ทำเชือกหย่อนให้ตึง, 2. ถ้ามีปม ถ้าทบไว้/มัดไว้ แก้ออกซะ, 3. ต่อสายให้ยาวที่สุดเท่าที่ทำได้

และขั้นสุดท้าย สำคัญมาก การทำให้หมุดแข็งแรง (strengthen) คงไม่มีประโยชน์อะไรใช่มั้ยครับ ถ้าเต็นท์ใหญ่ขึ้น คนอยู่ได้เยอะขึ้น แล้วมันก็พังลงมาทับคนเหล่านั้นที่อยู่ภายในเต็นท์

ดังนั้น การที่เราต้องรู้ว่าเต็มที่ของเรา ณ เวลานี้ อยู่ตรงไหน เพื่อเราจะได้ลงหมุดให้แข็งแรงได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน แล้วเมื่อเวลาผ่านไป กระบวนการขยายหลักหมุดชีวิตก็จะเริ่มขึ้นอีก รอบแล้วรอบเล่าจนกว่าเราทั้งหลายจะไปถึงความสมบูรณ์นั่นแหล่ะครับ (หรือ ตายก่อนก็ไม่รู้นะ ^^) ดั่งที่ วินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกฯอังกฤษ เคยกล่าวไว้ว่า "การพัฒนา คือ การเปลี่ยนแปลง ความสมบูรณ์แบบ คือ การเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ"

เต็นท์ใหญ่ที่แข็งแรง รองรับคนได้มากฉันใด คนที่มีชีวิตใหญ่และแข็งแรง ก็รองรับคนได้มากฉันนั้น

Mar 3, 2008

Do you have a dream?

Do you have a dream?

NO. i'm not only have a dream, but i have been making the dream to be real.

are you crazy?

ummm.., NO, i'm mad. 555

seriously, Don't you fear to fail?

NO. i fear. But you would never fail, if you would do nothing. ... i dare to fail.

Don't you care about the others' opinion?

i listen to everyone's opinions as i respect to my opinion. however, finally we choose the optimum. don't you?

seem like you believe that you can achieve.

This is your question? Truly, i don't know i can achieve it by myself or not. But i believe it shall achieve surely one day. As for me, i'll do it with all my best. i don't know the answer, i just believe.

okay, just for your time shortly. anything.

i believe everyone has a dream once in your life. Some choose to abandon for your easy way, born - study - work - marry - have a child - old - die. Some choose to live with dream in their world. Both of them cannot change this world, not only themselves.

Different is not mean ABnormal. Differentiate is just to find the other ways to approve ourselves, to further beyond present standard, to be better. Everyone has the potential to grow up more than we can imagine.

when you're changed, your whole world will change and will be changed also. the people around you will be changed too, your couple, your friends, your family, your clients, your boss, everyone. They be influenced by you.

Do you have a dream? let's come to join together. let's share our dream and build each other up.

"Thy kingdom come. Thy will be done in earth, as it is in heaven."

thank you and thanks God.

Mar 2, 2008

เข้ากันดี

เพลงของ Scrubb ชอบครับ ชอบทั้งเนื้อเพลง และดนตรี จริงๆชอบ "คู่กัน" มากกว่า ตรงกับชีวิตดี (มั้ง?) แต่มันฟังดูเศร้าไปหน่อย "เข้ากันดี" จะสนุกสนาน มีชีวิตชีวามากกว่า ส่วน "ขอ" มันบอกตัวตน ผมได้ดีนะ

แบ่งปันสิ่งดีๆให้ฟังกัน ฟังแล้วชอบ ช่วยกันอุดหนุนศิลปินนะครับ ^^

ปล. เข้าเวปไม่ได้ อดฟังกันแน่เลย ไว้หาลิ้งค์เพลงได้เมื่อไหร่จะมาเพิ่มให้ละกันนะครับ (อ่านเนื้อไปก่อนละกันนะ)


คู่กัน(Ost.ก็เคยสัญญา)

เดินผ่าน มองคนไม่รู้จัก วนเวียนและเป็นอยู่ ดูไปก็รู้สึก อย่างเคย เหมือนเคย
ลองมองผ่าน ความทรงจำที่มีอยู่ คงมีเพียงฉันคนหนึ่ง คนเดียวที่รู้จัก อย่างเดิม เหมือนเดิม

*วันเดือนปีเคยเป็นแค่เพียงสายลมผ่าน (แต่)ใครคนนึงทำเวลาฉันให้รู้สึกมีความหมาย

** คนๆหนึ่งได้เปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างไป คนที่ทำให้ยิ้มได้ ไม่ว่าเราจะเศร้าเพียงไหน
เธอคนหนึ่ง ทำให้รักฉันเปลี่ยนไป ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ อาจเป็นเพราะคู่กัน

ในวันหนึ่งแค่มองเธอนั้นเดินผ่าน เพียงคนไม่รู้จัก ทำวันที่เป็นอยู่เปลี่ยนไป จากเดิม (*)(**)



ขอ

โลกใบหนึ่ง แม้มันจะโหดร้ายเท่าไหร่ จะไม่สดใส มีเพียงความมืดมัวและหม่นหมอง
ฉันคนคนหนึ่ง ต้องเจอกับอะไรมากมาย ทำให้เสียใจ แต่ไม่เป็นไรซักนิดเลย

*ไม่เคยจะรู้สึก ไม่เคยจะนึกกลัว สิ่งรอบตัว ยังไงก็ยอมรับมัน

**(แค่)ขอแค่มีเธอคนนี้ ขอแค่มีเธอเท่านั้น เท่านั้นพอ ไม่ต้องการอะไรมากกว่านั้น
(แค่)ขอแค่มีเธอกับฉัน (แค่)ขอแค่มีเราเท่านั้น เราสองคน แค่เท่านี้ก็ดียิ่งกว่าเรื่องใด

ฉันและเธอ ถึงเราจะเจอะเจอเรื่องราว จะหนักหรือเบา แต่เราจะอดทนจนที่สุด



เข้ากันดี
อัลบั้ม: Mood

*ไม่เคยคิดเลย ว่าจะเจอกับวันที่ดี ที่เราอยู่ตรงนี้
แค่เพียงแรกเจอรู้สึกทันที เหมือนว่ามีอะไร
เมื่อเราได้คุยก็พอรุ้ และดูว่ามันก็คงมีความหมาย
ระหว่างสองเราคงมีอะไร เชื่อมข้างในให้ถึงกัน

**(ต่างคนต่างเข้าใจ) อย่างง่ายดาย
(ต่างกับคนทั่วไป) ตั้งมากมาย
(ตอบความจริงข้างใน) ว่าคิดกันอย่างไร
(เข้ากันดีกับที่หัวใจบอกไว้)

อาจมีหลายทีที่สับสน กี่คนผ่านมาและคงต้องผ่านไป
แต่เมื่อพบเธอมันต่างกันไป เพราะว่าฉันมั่นใจ
หากวันนี้เราจะจบลง ก็คงจะเป็นอะไรที่ผิดไป
เมื่อได้พบคนที่เคยวาดไว้ เข้ากันดีกับหัวใจ (**)

*** ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่ขวา ไม่ซ้าย ไม่สมบูรณ์ไป
ไม่มองแง่ร้าย หรือ เอาแต่ใจ แต่มีอะไรไม่ธรรมดา
ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่เร็วไม่ช้า ไม่น้อยเกินไป
แต่มีอะไรที่ดีกว่าใคร ลงตัวกับใจอยู่กันได้พอดี(**)(***)(*)

Mar 1, 2008

second chance

เคยรู้สึกว่า สถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ ณ ตอนนี้ เหมือนเราเคยเจอมาแล้วบ้างมั้ย ผมคิดว่า แทบทุกคนคงเคยรู้สึกแน่ๆ มีหลากหลายคำอธิบาย สำหรับปรากฎการณ์นี้

สำหรับผม ผมเชื่อว่า โลกของเราก็เหมือนกับโรงเรียนขนาดใหญ่มากๆ สถานที่สำหรับเตรียมเราให้พร้อมกับชีวิตนิรันดร์หลังความตาย ชีวิตนิรันดร์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังอาศัยอยู่ในโลกนี้ จึงเต็มไปด้วยบททดสอบ เพื่อให้เราเรียนรู้ และหากเรายังไม่เรียนรู้ อีกไม่ช้านาน บทเรียนนั้นก็จะเกิดขึ้นเพื่อให้เราได้เรียนรู้อีก บทเรียนเดิมๆจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเราเสมอ (และมักจะหนักขึ้นเรื่อยๆด้วย) จนกว่าเราจะเรียนรู้และสอบผ่านได้ เพื่อไปสอบบทเรียนต่อไป

หลายคน คิดว่าชีวิตนี้ไม่ยุติธรรม เราตกเป็น เหยื่อ ของชะตากรรม เพียงเพราะการเผชิญหน้ากับการสอบโดยไม่รู้ตัว เพียงเพราะคิดว่าเรา เลือก ข้อสอบไม่ได้ (ซึ่งจริงๆ เราเลือกและรับรู้ได้ ว่าเราจะต้องสอบเรื่องอะไร เรายอมรับความจริงได้ดีหรือเปล่า?)

แต่อีกหลายคนสนุกสนานกับการเติบโต (ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นผ่านความเจ็บปวด มั้ง?)ยอมรับและเข้าใจ ความจริงและ กติกา ของการดำเนินชีวิตบนโลกนี้มากขึ้น
-----------------------------------------------
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คิดมาตั้งแต่เช้า เย็นนี้จะไปไหนดี คลองเตย / ลาดพร้าว ถ้าวันนี้ไปลาดพร้าว ก็คงไม่คิดจะกลับไปคลองเตยอีกแล้ว คิดจนถึงเย็นก็ยังไม่ได้คำตอบ พระเจ้าก็เงียบๆไม่ตอบอะไร สุดท้าย ใช้ใจนึกเอา (อีกแล้ว) ผมเลือกไป ลาดพร้าว แม้จะไม่มีเหตุผลพอที่จะอธิบายให้ตัวเองยอมรับได้ว่าทำถูกต้อง แต่จิตสำนึกก็เชื่อว่าทำถูกแล้ว ก็ขอพระเจ้าให้เห็นการรับรองในสิ่งที่ผมเชื่อด้วย (ถ้าใช้ความรู้สึกคงง่ายกว่านี้ กินข้าว อ่านหนังสือ นอน...)

หลังจากกลับถึงบ้าน การไปลาดพร้าว สำหรับตัวผมเอง ผมบอกไม่ได้ว่า ดีกว่า ไปคลองเตยหรือเปล่า (ก็ผมไปได้แค่ที่เดียวนี่นา) ผมรู้เพียงว่า ดีมากๆเลย ที่ได้ไปลาดพร้าว (ขิงบอกว่า ดีที่สุด เลย ไม่ใช่แค่ดีมากๆ) ทั้งเรื่องเพลง second chance ที่ โดน สุดๆ แถมยังได้ทั้งอัลบั้มกลับบ้าน (กำลัง อยาก พอดี)ที่สำคัญ ผมคิดว่าพระเจ้าใช้ผมไปเพื่อน้องคนนึง

ตั้งแต่ก้าวแรกที่ถึงที่นั่น สิ่งที่ผมบอกน้องคนนั้นตั้งแต่แรก เพลงนมัสการ สิ่งที่ผมเล่าช่วงแบ่งปัน จนถึงสิ่งที่ผมเล่าชีวิตตัวเองที่เคยเลือกผิด (เสนอหน้าไปนั่งประชุมกะเขาด้วยได้ยังงัย?) (ขอบคุณ โย กับ บะหมี่ นะครับ ที่ไม่รีบเชิญผมกลับบ้าน) ผมมั่นใจว่า พระเจ้ากำลังช่วยให้น้องคนนี้เลือกให้ถูก เชื่อว่าคำพูดจากชีวิตผมคงมีส่วนอยู่บ้างที่ช่วยให้น้องเขา เลือก ได้ถูกในท้ายที่สุด ผมดีใจจริงๆ ที่มีคนสอบผ่านในเรื่องที่ผมสอบตกซ้ำซาก ดีใจที่เขาคงได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของผม ขอบคุณพระเจ้านะครับ
-----------------------------------------------
เมื่อวันศุกร์ ตื่นสาย สายแบบก้ำกึ่งว่าจะไปเข้างานสาย แทบจะไม่ต้องคิด หัวผมมี รูปแบบ ในการหาข้ออ้างและปกป้องตัวเองสารพัด ผมกำลังจะหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมา โทรไปลาป่วย...
คงเป็นผลพลอยได้ จากการที่ชีวิตถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้งเมื่อต้นสัปดาห์ ผม เลือก ที่จะไม่ใช้ รูปแบบชีวิตเดิมๆ ผมอยากมีชีวิตใหม่ ผมจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผมตัดสินใจออกจากบ้าน 8.22 น. (สายก็สายวะ ยอมสายแต่ไม่ยอมโกหกโว้ย) ใจก็ขอพระเจ้าช่วยด้วย..
ครับ พระเจ้าช่วยจริงๆ สถิติใหม่ครับ คุณเชื่อมั้ย ผมไปถึงที่ทำงาน แตะบัตร 8.30 น. เป๊ะๆ ผมดีใจ ที่ผมเลือกถูก ขอบคุณพระเจ้า!
-----------------------------------------------
วันนี้ ไปฟิตเนส เล่นไปได้ 10 กว่านาที เป็นลม คุณเอ้ย อาการนี่ยิ่งกว่าสมัยไปเขาชนไก่อีก คิดในใจว่านี่เราเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ
ครั้งแรกในชีวิต ที่เป็นลมหัวทิ่มบ่อแบบนี้ เห็นผลอย่างชัดเจนจากการใส่ใจสุขภาพน้อยกว่าที่ควรจะทำในช่วงที่ผ่านมา

ผมสอบตก เรื่องการรักตัวเอง

ผมปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความเศร้านานเกินไป (มันมีผลต่อปริมาณเม็ดเลือดแดงนะ คุณหมอเคยทำวิจัยไว้) ผมกินของอร่อยตามปากอยาก โดยไม่สนใจของกินที่ดีต่อสุขภาพ ผมนั่งปล่อยอารมณ์ฆ่าเวลายามค่ำคืน เพียงเพื่อให้ ... ผ่านพ้นไป
เหมือนพระเจ้าจะมาเตือนให้พอได้แล้ว สำหรับเวลาที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่แพ้กลางคืนทุกที

ไม่รู้ว่าจะชนะได้ยังงัยเหมือนกัน กับ รูปแบบนี้ มันเป็นแทบทุกครั้งที่อยู่คนเดียวเกิน 6 ชม. แต่ก็ยังมีความหวังอยู่นะ ไม่ว่าจะแพ้อีกกี่ครั้ง ยังเชื่อเสมอว่า ยังมี "โอกาสครั้งที่สอง" อยู่

"... The hope, the change, the second chance I've gained,
On you I throw my life,
casting all my fears aside,
How could greater love than this, ever possibly exist

So I wait upon You now,
With my hands released to You,
Where a little faith's enough,
To see mountains lifted, moved,

Yeah and I wait upon You now,
Dedicated to Your will,
To this love that will remain,
A love that never fails"