Jun 28, 2008

move move MOVE !!!

สัปดาห์ก่อน ปั่นงานกันแทบอ้วก แทบอ้วกจริงๆ ไม่ได้ใช้เป็นสำนวน
นอนเฉลี่ยวันละ 2 ชม. บางคืนไม่ได้นอนเลย
นึกถึงภาพยนตร์สงครามสุดประทับใจ we were soldier ฉากที่ต้องไปติดอยู่กลางวงล้อมของศัตรู หลับไม่ได้ เพราะนั่นอาจหมายถึงการไม่มีพรุ่งนี้ให้ตื่นอีกเลย

วันก่อน รู้สึกถึงจุด ไม่ไหวแล้ว ก็เลยขึ้นชื่อ msn ไว้ว่า Defcon, alpha bravo, broken arrow

จำได้ สมัยเรียนวิชาทหาร (ไม่รู้จำผิดหรือเปล่า) การเรียก DefCon เป็นการขอกำลังสนับสนุนจากพื้นสู่พื้น (ปืนใหญ่) alpha bravo คือ พิกัดตำแหน่งที่บอกก่อนหน้านี้ ถูกต้องแล้ว ให้ยิงซ้ำ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ชุด

ส่วน broken arrow คือ การขอกำลังสนับสนุนทางอากาศเต็มรูปแบบ มีความหมายโดยนัยว่า ถ้าไม่มาช่วย คุณจะเสียทหารราบทั้งหมด เป็นช่วงชีวิตที่ระทึกถึงใจมาก

ได้แต่หวังว่า เมื่อร้องขอไปแล้ว การสนับสนุนจะมา แล้วทหารราบอย่างเราๆ จะได้เคลื่อนที่เข้าไปใกล้เป้าหมายได้มากขึ้น เคลื่อนที่เข้าบุกยึดฐานที่มั่นของศัตรู

Jun 21, 2008

มิตรภาพ...

วันอาทิตย์หน้าที่โบสถ์จะจัดงานวันเพื่อน

ผมต้องรับผิดชอบทำโปรแกรมวันเพื่อนด้วย... คนไม่ค่อยจะมีเพื่อน จะคิดโปรแกรมออกได้ยังงัย
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ก็อยู่คนเดียวมาตลอด ไม่รู้เป็นเพราะที่บ้านสอนให้ไม่ไว้ใจใครหรือเปล่า ก็เลยกลายเป็นคนที่เห็นคุณค่าของมิตรภาพมากๆไปอย่างไม่รู้ตัว

กลายเป็นคนที่ยอมแลกอะไรต่อมิอะไรเพียงเพื่อจะได้เพื่อนซักคน ทั้งที่ในใจก็รู้ว่า เขาคบกับเราเพียงเพราะ บางสิ่ง ที่เรามีให้เขา เพื่อจะดึงเขาไว้กับเรา นานๆเข้า ก็ไม่มีจุดยืน ไม่เป็นตัวเอง ยอมเปลี่ยนตัวเองไป เพียงเพื่อรักษา ความรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันเอาไว้

ยิ่งพอโดนทิ้ง ความรู้สึกถูกหักหลัง ก็ยิ่งกลายเป็นกำแพงที่ถูกซ่อนไว้ในใจมากขึ้นเรื่อยๆ

เพิ่งจะไม่กี่ปีมานี้เอง ที่รู้สึกถึงความไม่หวังประโยชน์จากคนที่เขาเรียกตัวเองว่า เพื่อนของผม

นุ ขิง เอ็กซ์ คริสเตียนกลุ่มนี้ ที่เริ่มทำให้ผมเปิดใจเป็นเพื่อนกับคนอื่น ถึงได้เริ่มเรียนรู้ว่าการเป็นเพื่อนกัน ไม่ยุ่งยากอย่างนั้น

แต่หลังๆเมื่อพวกเราเติบโตขึ้น แยกย้ายกันไปทำภารกิจ แม้ความเป็นเพื่อนไม่ได้จางไป แต่โอกาสที่เราจะได้ทำอะไรต่อมิอะไรด้วยกันเหมือนก่อน คงไม่เหมือนเดิม

โลกแห่งความเป็นจริง ก็ยังมีคนที่นึกถึงเราเมื่อเขาเดือดร้อน และรำคาญใจเมื่อเราโทรไปหาอยู่เยอะแยะ
โลกแห่งความเป็นจริง ก็ยังมีคนที่อยากจะเป็นมากกว่าเพื่อนกับเรา แต่เราอยากจะแค่รู้จักกับเขา
และก็ยังมีอีกหลายคนที่เราเองก็อยากเป็นเพื่อนกับเขา แต่เขาก็เพื่อนเยอะแยะเหลือเกิน

ไม่รู้สินะ ห่างๆกันก็คิดถึง แต่พอเจอหน้ากันก็ไม่รู้จะคุยอะไร ยิ่งอยู่ไกลกัน อัตราการเติบโตของชีวิตแต่ละคนก็ยิ่งต่างกัน พอมาเจอกันอาจเริ่มคุยกันไม่รู้เรื่องก็ได้
บางทีอยู่ใกล้กันเกิน อาจเผลอลืมปล่อยให้ความเป็นเพื่อนจืดจางไปก็มี

ช่างเถอะ อย่าไปใส่ใจเลย วันนี้...อาทิตย์นี้ อาจเพราะมีประเด็นเรื่องมิตรภาพและความเป็นเพื่อนเข้ามาในชีวิตหลายเรื่องล่ะมั้ง หลากความรู้สึกจนทำให้คิดถึงเพื่อนสนิทที่ห่างๆกันไป

อย่างไรซะ มิตรภาพก็เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย เป็นเพื่อนกันน่ะดีอยู่แล้ว คิดอย่างนี้ซะก็จะได้สบายใจ

Jun 20, 2008

ความรับผิดชอบเกิดขึ้นเมื่อเราเชื่อ

วันนี้เป็นวันแรกที่เข้าไปนั่งอยู่ใน Director's Meeting ก่อนเข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้าดีหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะควรเข้า น่าจะส่งผลดีต่อการทำงานภาพรวมได้มากขึ้น ก็บอกพระเจ้าไว้ว่า ถ้าพระเจ้าพอพระทัยกับการเข้าประชุมของผม ขอให้ได้รับมอบหมายงานจากการประชุมครั้งนี้

พระเจ้าทรงโปรดอวยพรให้ผมได้รับการมอบหมายงาน แม้อาจจะดูไม่สำคัญอะไร แต่สำคัญมากสำหรับผม

หลังจากนั้น มีการจัดงานวันเกิดให้ประธานบริษัท และประชุมงานกับผู้ถือหุ้นท่านหนึ่งเรื่องการเปิดธุรกิจใหม่ คำแบ่งปัน คำแนะนำหลายๆอย่าง ทำให้เราได้เรียนรู้วิธีมอง วิธีคิด และวิธีการใช้ชีวิต ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ เช่น เรื่องของการปรับตัวเมื่อบริบทชีวิตเปลี่ยน ความเอาจริงเอาจัง การลงรายละเอียด การตั้งคำถาม

ผมชอบประโยคนี้ของท่านประธานมาก "ความรับผิดชอบเกิดขึ้นเมื่อเราเชื่อ" ชวนให้นึกถึงประโยคเด็ดของภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง "the great power comes with the great responsibility"

หลังจากประชุมกับท่านผู้ถือหุ้นเสร็จ ก็เลยขอรับคำแนะนำจากท่านเรื่องการพัฒนาองค์กร พระเจ้าก็แตะใจให้ชวนน้องคนนึงเข้าไปประชุมด้วย ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะแนะนำตัวน้องให้พี่ผู้ถือหุ้นรู้จักอย่างไรดี เพื่อพี่เขาจะได้ไว้ใจ และสะดวกใจที่จะให้คำแนะนำได้อย่าง "ลึก" เพียงพอ... ขอบคุณพระเจ้า ผมเกริ่นๆไปนิดหน่อย น้องเขาก็พูดแนะนำตัวเอง ไม่รู้ว่าคิดได้หรือพระเจ้าทรงจัดให้ แต่ที่แน่ๆ เป็นการเเนะนำตัวที่เข้าเป้ามาก

เป็น 2 ชั่วโมงที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลเชิงวิชาการ สิ่งที่คนอื่นเคยทำมา คำแนะนำต่างๆ และการต่อยอดในการประยุกต์ใช้ เป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่หัวแล่นโครมครามด้วยความตื่นเต้น ตั้งแต่มาทำงานที่นี่
หลายสิ่งที่พี่เขาพูด ยิ่งตอกย้ำถึง ภารกิจ (ไม่อยากใช้คำว่า ที่เราได้รับมาจากสวรรค์)ที่จะต้องทำที่บริษัทที่นี่
ในตอนท้ายที่นั่งคุยกัน พี่เขาก็บอกว่า ท่าทางผมจะเป็นนักคิด (แหม พี่ดูออกไวมากครับ) น้องเขาก็พูดต่อว่า ตัวเขาเองคงจะเป็นนักทำ ก็ดีครับ จะได้ใช้จุดแข็งของแต่ละคนเสริมกันในการทำงานรับใช้พระเจ้า

ตอนนั่งรถกลับมา น้องเขาก็พูดถึงงานในบางลักษณะที่เป็นตัวเขา และบางลักษณะที่ไม่ใช่ตัวเขาเลย ฟังๆดูแล้ว ก็ให้นึกคิดขอบคุณพระเจ้า ที่วันนี้พระเจ้าทรงนำให้พี่ผู้ถือหุ้นคนนี้มา เพราะทีแรกนัดกันไว้ว่าจะไปประชุมกันข้างนอก (ซึ่งวันก่อนผมหัวเสียไป เพราะเขายกเลิกนัดโดยไม่บอกผม... กลับใจแล้วครับ) ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็คงไม่ได้ปรึกษาเรื่ององค์กร คงไม่มีการพูดคุยเหมือนในวันนี้เกิดขึ้น

คิดไปคิดมาแล้ว ก็เข้าใจว่า พระเจ้าคงกำลังสนับสนุนเราในการรับใช้พระเจ้าในการทำงานอยู่ พระองค์คงทรงเห็นถึงสิ่งที่เราเชื่อและสิ่งที่เราตั้งใจจะรับผิดชอบ แต่อาจจะยังต้องการการเรียนรู้ฝึกฝนอีกมาก (ลืมบอกไป พี่เขาอนุญาตให้เรานัดกับเขาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อเรียนรู้ในเรื่องการปรับปรุงระบบการทำงานในบริษัท ขอบคุณพระเจ้า)

ชวนให้นึกถึงเมื่อวาน น้องคนนึงก็มาเข้ากลุ่ม หลังจากที่ไม่เจอกันนาน หลังจากที่กลุ้มอกกลุ้มใจกับพระเจ้าอยู่หลายสิบวัน ขอบคุณพระเจ้า ที่เริ่มเห็นสิ่งต่างๆไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามที่รับและเชื่อไว้

ชวนให้นึกถึงพระคำของพระเจ้าที่พระองค์บอกไว้ พระองค์จะทรงโปรดให้ทุกสิ่งทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลดีกับชีวิตของเราในทุกสิ่ง และ เมื่อเราเชื่อเราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

เมื่อเราเชื่อ...เราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ในสิ่งที่เราขอรับผิดชอบต่อพระพักตร์ของพระเจ้าเป็นแน่ เอเมน

Jun 18, 2008

เวลาที่นับได้

เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งของชีวิต ที่จดบันทึกการใช้เงินและเวลาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จดจนเกิดคำถามกับตัวเองว่าเราเว่อร์ไปหรือป่าว แต่หลับหูหลับตาจดอยู่หลายเดือน ผลลัพธ์ที่ได้ คือการได้เห็นรูปแบบการใช้จ่าย และการใช้เวลาของตัวเอง จึงสามารถหาแนวทางแก้ไข และวางแผนรับมือล่วงหน้าได้อย่างดี วิกฤตในชีวิตครั้งนั้น สร้างโอกาสที่ดีให้กับชีวิต

ตอนนี้ที่ออฟฟิซ เริ่มมีการให้พนักงานวางแผนและบันทึกการทำงาน...

เช้าวันนี้ รู้สึกไม่ค่อยดีนิดหน่อย เนื่องจากมีการยกเลิกนัดแล้วก็ไม่ได้แจ้งให้ผมทราบ นัดตอนบ่ายก็ยกเลิกโดยไม่แจ้งอีก ยังดีที่ฉุกคิดขึ้นได้ จึงโทรไปเช็คเอง แต่ที่ผมไม่พอใจ คือ เมื่อมีการยกเลิกนัด ทำไมถึงไม่มีการแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง

ไม่อยากคิดต่อเอาเอง หรือเพราะเราไม่ได้เกี่ยวข้อง(เราคิดไปเองว่าเราเกี่ยว), หรือเพราะลืม(เราไม่สำคัญ), หรือเพราะยกเลิกกระทันหัน ฯลฯ ... คิดมาแบบไหน ก็แง่ลบทั้งนั้น

รู้สึกถูกบั่นทอนกำลังใจในการทำงานเหมือนกัน (ก็เลยแว้บไปหลับแก้เซ็ง 1 งีบ) เฮ้อ...แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว ทำงานเหมือนไม่ได้ทำงาน หวังว่าหลังจากเดือนนี้ไป คงเข้าที่เข้าทางมากขึ้น

เมื่อกี้มานั่งเขียนบันทึกการทำงาน ก็ไม่รู้จะเขียนอะไร เห็นคนอื่นเขาเขียนกันเยอะเเยะ จับต้องได้ จะว่าไม่ได้ทำงานก็ไม่ใช่ แต่ถามว่าทำอะไรก็ไม่รู้ นั่งนึกย้อนไป เออ... เดือนกว่าแล้วที่ทำงานที่นี่ อารมณ์นี้เลย ทำอะไรมั่ง ก็ตอบไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกว่างานเยอะไปหมดเลย รู้สึกเหมือนไม่เคยมีเวลาพอสักที...

คนอย่างผมนี่ ยิ่งขยับตัวมาก ยิ่งช้า, ยิ่งขยับตัวน้อย ยิ่งเร็ว
ยิ่งเรื่องใหญ่ ก็ต้องยิ่งนิ่งคิด เวลาทำก็จะเหยีบมิดได้อย่างมั่นใจ

ทำอย่างไรดีหนอ ถึงจะขยับตัวน้อยลงได้

สงสัย คงต้องเริ่มจัดระเบียบชีวิตกันใหม่เสียแล้ว

Jun 15, 2008

อย่างน้อย...

เคยคิดว่า ถ้ามีเวลามากกว่านี้ก็คงดี เราคงทำงานต่างๆได้ทันแน่ๆ
เคยคิดว่า ถ้ามีอุปกรณ์นู่นนี่นั่นแล้ว จะทำงานได้ดีขึ้น
เคยคิดว่า ถ้ามีเงินมากขึ้น จะทำให้ข้อจำกัดในการทำงานลดน้อยลง

แล้ววันนี้ก็เข้าใจว่า คิดอย่างที่เคยคิดมา...ช่างคิดอย่างเด็กเหลือเกิน

ต่อให้วันนี้ ผมได้รับพรวิเศษจากสวรรค์ให้เป็นคนที่มี 30 ชั่วโมงต่อวัน ผมก็ยังคงทำงานไม่ทันอยู่ดี
ต่อให้เวลานี้ ผมสามารถเลือกใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่มีอยู่ในโลก หรือจินตนาการสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ประสิทธิภาพการทำงานของผมก็คงต่างจากเดิมไม่มากนัก
ต่อให้วินาทีนี้ ผมมีเงินมากพอจะซื้ออะไรก็ได้ทุกสิ่งตามใจปรารถนา ข้อจำกัดในการทำงานก็คงลดลงไปเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

เป็นความตระหนักที่เกิดขึ้นมาในใจ ทุกอย่างเริ่มต้นจากความคิด จากวิธีคิด พัฒนาสู่วิธีการดำเนินชีวิต และการทำงาน

ถ้ายังคิดเหมือนเด็กๆแบบเมื่อก่อน ชีวิตคงไปได้อีกไม่กี่ก้าวก็คงจอดแน่ แต่ถ้ารักจะมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป ต้องยอมเปลี่ยนแปลง

กล้ายอมรับว่าเรามีเวลามากพอที่จะทำการดีทุกอย่าง, สิ่งต่างๆที่เรามี เรามีพอเพียงที่จะทำการดีทุกอย่าง และข้อจำกัดที่เราเผชิญ เป็นเครื่องมือหลักที่สร้างเราให้เรียนรู้และเติบโตขึ้น

การไปซื้อโน้ตบุ้ควันนี้ ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้นว่า เราเป็นคนประเภทที่ไม่ถนัดจะไปแก้ปัญหากันตรงหน้า แต่เป็นพวกเก็บข้อมูล วางแผนคาดการณ์ทางเลือกล่วงหน้าโดยใช้สติปัญญา และจินตนาการที่มีอยู่
จึงเป็นความจำเป็นของชีวิต ที่แต่ละวันจะต้องมีช่วงเวลาแห่งการเข้าสงบ เพื่อไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ทบทวน ประเมิน วางแผน

แม้สุดท้าย อาจจะไม่ได้รับผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจไว้ อาจจะไม่เหมือนที่เคยเรียน ที่เคยรู้มา และอาจจะอยู่นอกเหนือพลังแห่งการจินตนาการของเรา
แต่..
อย่างน้อย เราก็รู้อยู่แก่ใจของเราเองว่า เราทุ่มเทไปสุดกำลังแล้ว และเราก็อิ่มใจมากแล้วกับการลงมือทำสิ่งนั้น

Jun 14, 2008

อีกช่วงเวลาหนึ่ง...ต้องสู้

...
ไม่รู้จะเขียนเล่าสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างไรดี
ไม่ได้อึดอัด แต่คงจะอัดอั้นตันใจมากกว่า
ไม่ได้อยากโวยวาย แต่ถ้าได้ระบายออกบ้างคงดี

เป็นอีกช่วงหนึ่ง ที่แรงกดดัน ก็คือ แรงกดดัน
มันไม่ได้กดดันให้ชีวิตตกต่ำลง ตรงกันข้าม กลับเป็นการกดดันให้ชีวิตสูงขึ้นเสียอีก
ประหลาดใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่นิ่งได้ขนาดนี้ แม้จะรั่ว จะพลาด จะเห็นอะไรต่อมิอะไรอยู่ข้างหน้าเต็มไปหมด ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ทั้งนั้น

วันนี้ จริงๆแล้วรู้สึกไม่ค่อยจะดีกับตัวเองเท่าไหร่เลย มากมายหลายอย่างที่คิดไว้ ไม่ได้ทำออกมาให้เกิดขึ้นเห็นจริง ผลมันก็ไม่ต่างอะไรจากคนไม่ได้ทำอะไรเลย รู้สึกเหมือนเป็นคนจับจดยังงัยก็ไม่รู้

เห็นความเสี่ยงที่หลายเรื่องจะพังทลายอยู่เต็มไปหมด ชีวิตเราคนเดียวคงไม่เท่าไหร่ แต่อีกหลายคนที่เกี่ยวข้องกันอยู่ อาจได้รับผลไปด้วยนี่สิ ที่สำคัญ ไม่มากก็น้อย ก็คงส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งหมดอีกที

แม้จะเชื่ออยู่ลึกๆในใจ มั่นใจว่าสุดท้ายทุกอย่างก็จะคลี่คลายได้ไปในทางที่ดีขึ้น แต่ตอนนี้ บอกไม่ถูก... เครียดมั้ง หรือจะเรียกว่า ผะอืดผะอมดี

วันนี้ได้นั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งแบ่งปันเรื่อง ยุทธศาสตร์ ก็มานั่งคิดว่า เออ จริงๆแล้วเรานี่รู้จักตัวเองก็พอสมควรนะ มีข้อมูลชีวิตเราเองมากเพียงพอ แต่เรายังบริหารจัดการ วางยุทธศาสตร์ชีวิตตัวเราเองได้ไม่ดีเลย แล้วกับเรื่องอื่นๆที่เราฝัน เราอยาก เราตั้งใจ ที่เรายังมีข้อมูลน้อยเหลือเกิน คงคาดหวังได้ไม่ง่ายว่าจะจัดการได้

คิดๆดู เราเองคงต้องฉลาดในการใช้ชีวิตมากกว่านี้ แม้จะดูมีข้อจำกัด ดูลำบาก ดูไม่สบาย แต่เราก็เลือกทางนี้เองนี่นา นึกถึงถ้อยคำที่มีการเปิดเผยมาถึงชีวิตของเราเอง ซึ่งก็จริง จะเลือกเอาทางที่ง่ายกว่านี้ก็ได้ไม่ยากอะไร แต่เราเลือกเองที่จะมาทางนี้ เป็นอย่างนี้ ทำอย่างนี้ ไม่มีใครบังคับ ก็ต้องเผชิญหน้าและฝ่าฟันมันไปให้ได้

ต้องให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ ให้กำลังใจคนอื่นรอบๆตัวเยอะๆด้วยเหมือนกันเหมือนที่ให้ตัวเอง
เราจะฉลาดขึ้น เราจะแกร่งขึ้น เราจะผ่านพ้นไปได้แน่ เราจะเป็นพรกับอื่นได้แน่ มีผลกับคนอีกเยอะได้แน่... ต้องสู้

Jun 8, 2008

not happens in twice

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางครั้ง พระเจ้าถึงดูเงี้ยบเงียบ ทรงไม่ตอบอะไรเราสักอย่าง...
หรือพระองค์ทิ้งเราไปเสียแล้ว

แท้จริง พระเจ้า ทรงอยู่กับเราเสมอ หลายครั้งเพียงเพราะ...
เรามองที่สถานการณ์มากกว่ามองพระเจ้า
เราลงมือทำหลายสิ่งอย่างใจร้อนมากกว่าลงมือทำบางสิ่งที่พระเจ้าทรงนำ
เราประนีประนอมกับความอ่อนแอในจิตใจของเรามากกว่าจะยอมรับและมีชัยชนะเหนือ
เราไม่กล้าทำสิ่งที่เราเชื่อว่าถูก เพียงเพราะคนอื่นที่เหลือเห็นว่าผิด
...

วันนี้ไปดูนาร์เนียมา ส่วนตัว ผมชอบ หนังสือของ ลูอิส เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาเป็นคริสเตียนที่มีสำนวนการเขียนสวย ยิ่งมาเจอนาร์เนีย หนังสือนิยายสุดคลาสสิค ที่เขาเขียนขึ้นเพื่อให้ลูกๆของเขาอ่าน ด้วยหวังว่า วันหนึ่ง ลูกๆของเขาที่เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว (ตอนที่เขาเขียนเสร็จ) จะเป็นเด็กพอที่จะอ่าน และเข้าใจ จนเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์

มีหลายๆฉากที่ประทับใจ มีหลายสิ่งที่ได้เรียนรู้และต้องกลับใจ

- สิ่งต่างๆจะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง หลายครั้งเราคาดหวังว่าพระเจ้าจะช่วยเราในสถานการณ์เดิมๆ แต่พระเจ้าคาดหวังให้เราเติบโตขึ้น มากกว่าแต่จะเพียงเฝ้ารอ หรือ กระทำสิ่งต่างๆอย่างขาดความเชื่อ

- การตระหนักในความไม่พร้อมที่จะต้องรับผิดชอบ อาจเป็นความพร้อมสำหรับความรับผิดชอบที่กำลังจะเกิดขึ้น

- ผู้นำ คือ ผู้ที่ต้องอยู่ในสมรภูมิ อยู่หน้าผู้ตาม และอยู่เหนือสถานการณ์

- ความบ้าบิ่น ไม่ใช่ความกล้าหาญ ความกล้าแท้จริง คือ การเผชิญหน้า กับ ความกลัวที่เกิดขึ้นในใจของเราเอง ความกลัวที่เกิดขึ้นจากการตระหนักถึงข้อจำกัดของเรากับสถานการณ์ตรงหน้า แม้ตระหนักอย่างนั้น แต่ยังคงเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องโดยวางใจในพระเจ้า นั่นเป็นความกล้าหาญแท้

ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วย โปรดอวยพรผมด้วย ในโอกาสที่ผมได้รับมา ทั้งเรื่องทริป, NYsup. project, เรื่อง โน้ทบุ้ค เรื่องที่บ้าน และอีกหลายเรื่อง ขอทรงโปรดอวยพรข้าพระองค์ ในพระนามพระเยซู... เอเมน

Jun 6, 2008

พระพร...

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปร่วมออกร้านในงานเทศกาลคริสเตียน
ด้วยความที่ไปช้า พื้นที่ตั้งร้านของเราจากร่วม 3 เมตร จึงเหลืออยู่เพียงเมตรเดียว อีกทั้งถูกขนาบข้างด้วยร้านใหญ่ทั้ง 2 ด้าน
แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถ ที่จะทำให้ร้านเป็นที่โดดเด่นขึ้นมา แต่ก็ยังกลืนอยู่ดี
เหลือบไปเห็นบริเวณเวิ้งว่างร้างเปล่า ที่ดูอยู่นอกอาณาบริเวณที่ตั้งออกร้าน จิตใจได้รับการเร้า ก็เลยย้ายไปตั้งที่นั่น ขอบอกว่า โดดเด่นเป็นสง่า เนื่องด้วยห่างไกลจากร้านอื่นเหลือ (ถ้าเคยไปอิมแพค เห็นเสาต้นใหญ่ๆ พึงรู้ว่า ร้านของเราจัดวางของไว้ครึ่งเสา)
เมื่อความมืดมาเยือน เราจึงพบว่า สถานที่ที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้เรา เต็มไปด้วยแสงสว่างของดวงไฟ โดยที่เราไม่ต้องเปิดเพิ่มเลยซักดวงเดียว ร้านค้าอื่นๆ ต่างค่อยๆทยอยย้ายกันมาเปิดข้างๆเรา...

เราพบการจัดเตรียมอย่างครบถ้วนเกินความเข้าใจได้ในความบกพร่องของเราเสมอ...

ในงานนี้ มีวงดนตรีวงหนึ่งที่เผยพระวจนะพยากรณ์ถ้อยคำของพระเจ้า อย่างแม่นยำชัดเจน ฟังเพื่อนพ้องน้องพี่หลายคนที่ได้รับการเปิดเผย ก็ใคร่อยากรับฟังบ้าง วันที่มีโอกาสเข้าไปฟัง ก็ตั้งใจว่าคงนั่งอยู่ได้แค่ประมาณ 15 นาที นั่งอยู่จนถึงเวลาที่คิดไว้ จะลุกไปอยู่แล้ว พระเจ้าก็เร้าใจให้นั่งอยู่ต่อ แต่ด้วยความที่คืนก่อนนั้นไม่ได้นอน ก็เลยนั่งฟุบลงไป
เขาก็เรียก บอกว่า
God give you the great call, you have 2 ways to choose by yourself. the easy way and the difficult way. the difficult way will bring the bless from God for you....... and your family.
นั่งจดๆได้ซักพักกำลังจะฟุบต่อ อีกคนก็เรียกอีกครั้ง
i see you have the humble spirit. and God so pround in you. one day God will raise you up. Keep in humility when you be promoted.
หมดคำถามที่ค้างคาใจ คิดว่า คงต้องเขียนบล็อครวมคำพยากรณ์ในชีวิตสักครั้งละมั้ง

ยอมแล้วครับ...

สุดท้าย เป็นอีกครั้งที่ได้เรียนรู้ว่า การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ
ตั้งแต่งานที่ BEC ผมเห็นร้านข้างๆเขาเอาเสื้อแนวๆวัยรุ่นหน่อยๆมาขาย เห็นอยู่ลายนึง ช่างโดนใจ ช่างเหมาะเจาะกับความเป็นตัวเราเสียนี่กระไร คิดอยู่ว่า จะซื้อไปใส่เองให้ได้ สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ
แต่ขอบคุณพระเจ้า เขาตามมาให้เราซื้อถึงที่ อิมแพค
ตอนอยู่ที่ร้านเสื้อ ด้วยความที่ใกล้วันเกิดน้องคนหนึ่ง นึกถึงเธอแล้ว ก็คงไม่มีเสื้อลายไหนที่จะเหมาะกับเธอไปมากกว่าลายที่เราชอบ ที่สำคัญ สำหรับไซส์(ที่น่าจะเหมาะกับ)เธอ เหลือตัวสุดท้าย ตัวเดียวเท่านั้น
ก็คิดว่า เด่วหาลายอื่นให้ตัวเองก็ได้ แต่ลายอื่นที่ชอบไม่มีอีกแล้ว บางตัวลายได้แต่ไซส์หมด ดูเหมือนว่า มีอีกทางให้เลือกก็คือซื้อลายเดียวกัน แต่คิดแล้วก็อาจจะไม่เหมาะ จะกลายเป็นการชี้เป้าไปโดยไม่จำเป็น ก็เลยตัดใจซื้อตัวเดียว เพื่อมาให้น้องเขา (หลังจากที่รื้อคุ้ยกองเสื้อผ้ากระจุยกระจายอย่างยุ่งเหยิงเป็นที่สุด)
เห็นรอยยิ้ม และความดีใจของคนรับแล้วก็มีความสุขใจดี (หวังว่าคงจะใส่ได้พอดีนะ)

เรื่องกล้องอุปกรณ์ไปเนปาล สุดท้าย ก็เป็นความผิดพลาดของ แคนนอนเอง ที่ลงรายการผิด และหยิบอุปกรณ์ให้ดูผิด ทำให้เราวุ่นวายพักใหญ่ สุดท้ายก็ขอโทษกันไป

มีธนาคารโทรมาเสนอเงินให้กู้ในวงเงินประมาณราคาโน้ตบุ้ค ก็เลยลองส่งเรื่องไปดู อาจจะได้ตังค์มาซื้อโน้ตบุ้คทันงานคอมมาร์ตครั้งนี้ก็ได้

สุดท้าย วันนี้ ไปแจกใบปลิวคำพยานชีวิตที่สีลม ได้เจอรุ่นน้องที่กลุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นน้องที่ค่อนข้างสนิทด้วย ดีใจจริงๆ หลังจากที่นึกถึงเพื่อนที่มหาลัย และอธิษฐานเผื่อมาได้ซักระยะ ก็มี เวลา ที่ได้เจอกัน เชื่อว่า ความรอด คงเป็นพระพรที่สำคัญ สำหรับชีวิตของเขาต่อไป

อธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้ากันต่อไปสำหรับพระพรที่ได้รับมาแล้ว และกำลังจะมาถึง ขอบคุณพระเจ้าครับ ^^