Nov 28, 2008

หลงทาง ?

นับจากเหตุการณ์ความไม่สงบในคริสตจักร ดูเหมือนวงจรชีวิตของหลายคนมีการขยับปรับเปลี่ยนทั้งโดยสมัครใจและไม่เต็มใจ
ตอนแรก ผมตั้งใจจะเขียนข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปคริสตจักร นั่งเขียนไปเขียนมาอยู่หลายวัน เขียนจนป่วย ก็มานั่งนึกว่า เอ...นี่เราทำไปทำไมเนี่ย ค้นจิตใจตัวเองอยู่สักครู่ สันดานลึกๆเพียงอยากได้รับการยอมรับจากคน อยากแสดงความสะใจว่า เห็นมั้ย บอกมาตั้งหลายปีแล้วไม่ฟัง สมน้ำหน้า ทีนี้จะฟังได้หรือยัง
ขนาดตัวเองยังรู้สึกสะอิดสะเอียนตัวเองเลย ก็เลยหยุดเขียนละ อะไรที่ไม่ได้ทำด้วยความรัก ต่อให้ดีแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์

รู้สึกเสียดายเวลาตั้งหลายวัน เอามานั่งอ่านหนังสือ คงจบไปสองเล่ม

นึกถึงคำพูดของเพื่อนๆหลายคน ที่ล้วนต่างยอมรับในความเฉียบแหลมและศักยภาพที่ผมมี แต่ทุกคนต่างไม่เข้าใจที่ชีวิตของผมดูเหมือนจะไปไม่ถึงไหนซักที มีคนนึงให้ความเห็นอย่างน่าฟังว่า เป็นเพราะผมจิตใจดีและเชื่อในส่วนดีของผู้อื่นมากเกินไป ผมจึงมักถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ให้คนอื่น "ทั้งๆที่ผมรู้ตัว"

ผมเรียนรู้นับแต่วันนั้นว่า เราควรใช้แรงที่เรามี ลงมือทำในสิ่งที่เราจะได้เก็บเกี่ยวไว้ในยุ้งฉางของเราเอง หากยุ้งเราเต็ม ไม่ยากที่เราจะแจกจ่ายให้ผู้อื่น แต่หากยุ้งของคนอื่นเต็ม เราจะใช้สิทธิอะไรไปร้องขอให้เขาแจกจ่าย

แต่วันนี้ ดูเหมือนคนที่หลอกใช้แรงงานของผมจะไม่ใช่คนอื่นคนไกล นอกจากอวิชชาในตัว ความทนงตัวอย่างผิดๆหลอกกินแรงผมไปหลายวัน อย่างไรก็ขอบคุณพระเจ้านะครับ รู้สึกตัวคราวนี้ ไม่เพียงกลับใจเรื่องนี้ ยังได้กลับใจเรื่องอื่นด้วย

หากตายังไม่สว่างแล้วปล่อยให้ทิฐิครอบงำ เกิดว่าสามารถ "เอาชนะ" ใจสาวเจ้าขึ้นมาได้จริงๆ วันนั้นอาจยิ่งหาหนทางเดินได้ยากกว่าวันนี้

ก็ไม่รู้ว่าสำหรับ คนที่รู้และยอมรับว่าตัวเองหลงทาง จะเรียกคนหลงทางได้ไหม แต่อย่างน้อย วันนี้ก็จะเป็นวันแรก ที่กำลังเริ่มต้นเดินกลับสู่หนทางที่ถูกต้องอีกครั้ง...
find a way back into love...

Thy word is a lamp unto my feet, and a light unto my path. Psalm 119:105

Nov 24, 2008

เส้นทางชีวิต

ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องที่อยากจะเขียนลงบล็อคไม่ต่ำกว่า 4 เรื่อง ไม่รวมเรื่องนี้
มีเรื่องให้ต้องตัดสินใจใหญ่ๆ 1 เรื่อง สำคัญๆ อีก ไม่ต่ำกว่า 3 และเรื่องที่ต้องตัดสินใจเลือก อันเป็นผลจาก 4 เรื่องข้างต้นอีกนับสิบ

ไม่ว่าจะเลือกทางไหน หน้าตาของชีวิตเราคงเปลี่ยนไปไม่น้อย บางคนบอกว่าชีวิตมันง่ายกว่านั้น ผมทำให้มันยุ่งยากเอง นั่นสินะ ก็อาจเป็นได้ หากเป็นเมื่อก่อน ผมแค่คิดว่า เรียนให้เก่งๆ ทำงานดีๆ มีตังค์เยอะๆ มีเพื่อนดีๆ ช่วยให้คนรอบข้างเราเขามีความสุข มีเสียงหัวเราะ นั่งร้องไห้เป็นเพื่อนกัน ดูแลพ่อแม่ในวัยชรา แต่งงานกับผู้หญิงที่เรารักกัน มีลูกสัก 3 คน เปิดร้านอาหารให้คนมีที่พบปะกัน มานั่งกินข้าว นั่งพักผ่อน เปิดห้องสมุด ให้คนมีที่แสวงหาความรู้เท่าที่เขาต้องการ ช่วยเหลือชุมชนที่ผมอยู่ ตามกำลังความสามารถที่ช่วยได้ ช่วยคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ วันหนึ่งที่เราต้องจากโลกนี้ไป คงมีสักคนที่มีกำลังใจขึ้น จากชีวิตของเรา ก็คิดแค่นี้จริงๆ คิดว่ามันคงง่ายๆมั้ง

มาถึงวันนี้ ผมไม่เห็นอะไรซักอย่าง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยู่ตรงไหนของเส้นทางชีวิต ดูหลักลอย เลื่อนลอย ไม่จริงจังเอาอะไรซักอย่าง ผมมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ชีวิตที่ผมต้องการนี่นา ผมคิดว่า มันไม่ใช่ชีวิตที่พระเจ้าต้องการเห็นด้วยซ้ำ

เรียนไม่จบ โง่ดักดาน งานอย่าว่าแต่ดีเล้ย เรื่องที่อยากมีเงินเยอะๆจะได้ช่วยคนอื่นได้มากขึ้น วันนี้ช่วยตัวเองให้รอดยังแทบแย่ คนรอบข้างเขาจะมีความสุขจริงเหรอ ไม่รู้สิ มีแต่คนเป็นห่วง กับคนที่เห็นเราไม่มีประโยชน์ หรือเอาประโยชน์จากเราล่ะมั้ง เพื่อนๆที่สนิทกันก็แยกย้ายกันหมดแล้ว อย่างว่าละนะ ช่วงชีวิตในเวลานี้ ต่างคนต่างก็มีครอบครัว มีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ ผมก็ยังลอยๆ เรื่องแต่งงานไม่ต้องพูดถึง อย่าว่าแต่ผู้หญิงจะชอบเล้ย แค่จะมีคนคุยด้วยให้เข้าใจกันยังยากเลย ร้านอาหาร ฝันไปเถอะ ห้องสมุด คงมีแต่หนังสือ สุดท้ายคงได้เอามาชั่งกิโลขาย ชีวิตอย่างนี้ จะช่วยอะไรใครได้สักเท่าไหร่ วันหนึ่ง ผมก็คงจากโลกนี้ไปอย่างเงียบๆอยู่แล้ว

สำหรับผมตอนนี้ ไม่ว่าจะมองเส้นทางชีวิตเส้นไหน ก็มองไม่เห็นปลายทางสักเส้น ใจก็รู้นะว่าอย่างไรก็คงต้องก้าวเท้าเดินต่อไป จะหยุดอยู่กับที่ แต่เวลาไม่ได้หยุดด้วย เพียงแต่มันเหนื่อย ทางก็ไกลอยู่แล้ว กำลังใจยังน้อยอีก คิดถึงเรื่อง หอยทาก แล้วก็ยังให้อดยิ้มไม่ได้ แม้ว่าทางจะไกล แต่มันก็ยังรู้ว่าปลายทางของมันคือเรือ และมันก็ยังกระดื้บไปกับคู่ของมัน คงเหมือนที่ใครคนหนึ่ง เคยกล่าวไว้ เส้นทางการเดินทางไกลที่สั้นที่สุด คือ เส้นทางที่มีเพื่อนรู้ใจร่วมเดินทางไปด้วย

มีคนเคยแบ่งปันว่า เส้นทางชีวิตคริสเตียน มีคนอยู่ 4 กลุ่ม ที่เราควรมี คู่ครองที่ดี, เพื่อนคริสเตียนที่ดี, ผู้เลี้ยง/ผู้นำ/ผู้ให้คำปรึกษาที่ดี และ คริสตจักร/ชุมชนผู้เชื่อที่ดี หากมีโอกาสเลือก ให้เลือกให้ดี เพราะ 4 กลุ่มคนนี้ จะมีผลกับชีวิตบนโลกนี้ของเราทั้งชีวิต ผ่านมา 10 กว่าปี ผมเรียนรู้ว่า เราไม่จำเป็นต้องเลือกคนกลุ่มต่างๆเหล่านี้หรอก เราเพียงเลือกเส้นทางชีวิตให้ดี ให้ถูกเท่าที่เราจะคิดได้ แล้วเส้นทางของเรากับคนเหล่านั้นจะถูกดึงดูดเข้าหากันและกันเอง การที่เราสนใจเลือกกลุ่มคนก่อน บางครั้งกลับไม่สอดคล้องกับเส้นทางที่เราอยากจะเลือก เพราะบ่อยๆครั้งความผูกพันที่มีต่อกัน ความรู้สึกของเราเองนั่นแหล่ะ ที่ทำให้เราไม่ได้อยากเลือก เส้นทางชีวิต ที่เราควรจะเลือกเสียเอง