Sep 26, 2008

Do the right thing, Not do the things right

คนเราหลายคน ชอบทำนู่นนี่นั่น เพราะเชื่อว่า ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน
บางคนไม่ได้เชื่ออย่างนั้น แต่ก็ยังทำอะไรหลายอย่างอยู่ดี เพราะคิดว่าอยากจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากับที่เกิดมา

คนเราเกิดมาต่างกัน มีความถนัด มีความสามารถ พื้นเพ ความสนใจ และ ความฝันแตกต่างกันไป แต่ละคนเหมาะจะทำแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนล้วนมีคุณค่า มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ในความเป็นคน เท่าเทียมกัน... เราทุกคนต่างก็มี สิทธิ ที่จะแสวงหาความสุขให้ชีวิตของตัวเองเป็นพื้นฐาน

ความสุขของบางคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง บางคนเอาคนอื่นเป็นที่ตั้ง ขณะที่บางคนเอาสังคมเป็นที่ตั้ง

บางที การพยายาม ทำสิ่งต่างๆให้ถูก อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะฝืนเกินไปหรือเปล่า ในการดัดปรับแต่งเติมเสริมเปลี่ยนให้สิ่งต่างๆเป็นได้ดั่งใจเรา

การเปลี่ยนหนึ่งเรื่องที่มันลงตัวกันเองอยู่แล้ว ให้เป็นตามใจเรา ก็อาจจะเป็นการเริ่มต้นเปลี่ยนลวดลายจิ้กซอร์ของภาพชีวิตเราทั้งหมด เพื่อให้มันลงตัวใหม่ก็ได้

แม้วันนี้ ผมเองยังมีความฝัน ยังมีความหวัง ยังเชื่อในความรัก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากชีวิตนี้ ก็คือ จงเลือกทำในสิ่งที่ถูกเสมอ ทำในสิ่งที่จิตสำนึกแห่งความเป็นคนของเราไม่ฟ้องว่าผิด ทำในสิ่งที่มโนสำนึกบอกว่าถูก ต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น แล้วชีวิตเราจะพบคำว่า สันติสุข

คนเราสามารถกลับใจใหม่ได้เสมอ เราสามารถเลือกกลับมาทำในสิ่งที่ถูกต้องได้เสมอ เราไม่จำเป็นต้องทำให้สิ่งต่างๆมันถูก หากสิ่งที่เราทำมันคือสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว

Sep 24, 2008

ทางแยก

ชีวิตคนเรานี่มีทางแยกมากมายหลายทางนะ คุณคิดเหมือนผมไหม ทั้งที่จุดเริ่มต้นของทุกเรื่อง เรามีทางแยกอยู่แค่ 2 ทาง
จะทำตามความจริง หรือ จะทำตามใจตัวเอง

ชีวิตคนเราก็แปลกดี ยิ่งรู้เหมือนยิ่งไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างไร ชีวิตก็ยังก้าวเดินต่อไป เวลายังคงเดินทางผ่านเราไปทุกวินาที

แต่ถ้าเราไม่เลือกซักทาง ชีวิตก็คงจบอยู่ที่ตรงแยก ไม่ไปไหน
ถ้าเลือกแล้วย้อนไปย้อนมา ชีวิตก็คงไปไม่ถึงไหน เช่นกัน

สามสิบปีที่ผ่านมา บนโลกใบนี้ ผมคิดว่า ผมพอแล้วกับคำว่า "ยังงัยก็ได้" มันอาจจะดูสายไปซักหน่อย กับการเริ่มต้นเส้นทางชีวิตในวัยสามสิบ สำหรับคนในยุคนี้

แต่วันนี้ ผมตอบตัวเองได้ชัดเจน ว่าผม ต้องการใช้ชีวิตอย่างไร ต้องการทำงานแบบไหน ต้องการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้กับใคร มันคงไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราจะสมหวัง แต่ อย่างน้อย การได้หวังและมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อให้ได้มันมา มันก็เป็นชีวิตที่เราเลือก และยินดีรับผิดชอบกับทุกผลที่อาจเกิดขึ้น ด้วยตัวของเราเอง

Sep 21, 2008

Dear God,

พระเจ้าครับ
ผมอยากจะขอบคุณพระเจ้านะครับ
ที่วันนี้พระเจ้าได้ให้ผมมีโอกาสได้สัมผัสความรู้สึกของความสุขของคำว่ารัก
ได้เข้าใจว่าการกระทำที่เหมือนๆกัน แต่ทำไมบางคนถึงทำได้ดีกว่าคนอื่น
พระเจ้าครับ แม้ว่าชีวิตผมจะไม่ได้มีอะไรมาก อาจจะมีแค่ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว
แต่ว่านี่ก็คืออาหารทั้งหมดที่ผมมี
หากผมให้พระองค์เสีย ผมก็คงไม่มีกินแล้วหล่ะ

ความฝัน ความสนใจ ความทะเยอทะยาน ทั้งหมดก็คงทำไม่ได้

ที่ผ่านๆมา พระเจ้ามักจะ ขอ ให้ผมมอบให้พระองค์
บางอย่างผมให้ง่าย บางอย่างก็ให้ไม่ง่าย ยิ่งเห็นว่าสำคัญ ก็ยิ่งให้ยากขึ้น

แต่วันนี้ พระเจ้า ไม่ได้ขออะไรจากผมเลย ดูเหมือนว่านี่จะเป็นอีกบทเรียนที่ให้ผมได้เรียนรู้จักน้ำพระทัยของพระองค์

พระเจ้าครับ ผม ยอมรับ กับพระองค์จริงๆ ว่าวันนี้ ผมยิ่งเห็นหลายๆต่อหลายอย่างในตัวเธอ ที่ผมคิดว่าเหมาะกับผมดี
ทั้งสไตล์ ความคิด ระดับคิด และ ทิศทางชีวิต
ผมยิ่งเห็นคุณค่าเธอ ที่สำคัญ ผมยิ่งรู้ตัว ว่าผมรักเธอ เสียแล้ว

แต่พอมองอีกด้านหนึ่ง ผมก็เจียมตัวเองนะครับ

ขอบคุณมากนะครับ ทั้งก่อนหน้าที่เราจะรู้จักกัน และเวลาอีก 13 ปี ที่รู้จักกัน ขอบคุณครับที่สอนให้ผมรู้จักคำว่ารัก
ขบคุณครับ

Sep 17, 2008

ช่วยกัน

เมื่อวันอาทิตย์ ได้อ่านพระคัมภีร์ตอนหนึ่ง กล่าวถึง สามี-ภรรยาคู่หนึ่ง ขายของได้เงินมาเยอะ แต่กลับบอกว่าได้น้อยแล้วเอามาถวายพระเจ้า ซึ่งทั้งคู่ต่างก็รู้เห็นเป็นใจกัน ก็ต้องรับผลกันไป
มีน้องคนหนึ่ง พูดว่า เป็นสามี-ภรรยากันแล้วก็ไม่ท้วงติงห้ามปรามกันเลย กลับสนับสนุนเป็นใจให้ทำผิด ไม่เสริมในทางดีต่อกันเลย อย่างนี้อย่าแต่งงานเสียดีกว่า ฟังแล้วก็ขำแต่ก็เออ จริง

ตกเย็นวันนั้นมีสอบวัดความเข้าใจพระคัมภีร์ ยากมาก ตั้งแต่อยู่ที่โบสถ์มา 10 กว่าปี ไม่เคยทำข้อสอบที่ยากอย่างนี้มาก่อนเลย ทำไปทำมาก็เลยออกมาเข้าห้องน้ำ เห็นอีกห้องหนึ่งที่นั่งสอบอยู่ มีอยู่โต๊ะหนึ่ง เขานั่งกันสองคน อ้าวเขาเป็นสามีภรรยากันนี่นา โอ้ว มีอย่างนี้ด้วย ข้อดีข้อแรกของการชีวิตคู่ คือ มีคนช่วยกันคิด

เมื่อวาน ไปพบลูกค้า ตอนกลางวันก็แวะกินข้าวกับเพื่อนที่ไปด้วยกัน เธอถามว่า ขนมจีนที่ผมซื้อมากินอร่อยไหม ถ้าอร่อยจะซื้อไปให้สามีกินด้วย ตึง!!! มีงี้ด้วย ข้อดีข้อที่สองของการชีวิตคู่ คือ มีคนช่วยกันเป็นห่วงเป็นใย

เช้านี้ นั่งกินข้าวที่ ที่ทำงาน กำลังอิ่มๆ ก็เห็น ไก่... ไม่รู้จะอธิบายท่าทีท่าทางของพวกมันอย่างไร
เจ้าไก่แจ้ตัวผู้ ก็ก้มหัวลง ยืนนิ่งๆ ผมก็งง มันทำอะไร แล้วเจ้าไก่ตัวเมียก็เดินมา จิกเข้าไปหนึ่งที ไก่ตัวผู้ก็ยืดหัวขึ้นมาเดิน ทำอยู่อย่างนี้ 2-3 ครั้ง ไม่รู้ว่าคืออะไรเหมือนกัน แต่เข้าใจว่า ถ้าไก่ตัวเมียไม่ได้ช่วยจิกพวกเเมลงเล็กๆให้ไก่ตัวผู้ มันก็คงกำลัง จิก ให้ไก่ตัวผู้ที่ เผลอหลับ ตื่น น่ะแหล่ะ โอ้ววว... ข้อดีข้อที่สามของการชีวิตคู่ คือ มีคนช่วยกันดูแล

นับข้อดีได้ครบเจ็ดข้อเมื่อไหร่ คงต้อง ช่วยกัน มาอยู่ด้วยกันแล้วหล่ะ เนอะ ^^

Sep 14, 2008

ความถ่อมใจ

เมื่อเช้าเพิ่งจะส่งเมลไปขอคำปรึกษาพี่กอล์ฟ
เมื่อกลางวันเพิ่งจะได้ไปเปิดหูเปิดตา นั่งฟังสัมนาการเลี้ยงเด็กให้เป็นอัจฉริยะ
เย็นนี้ นิยมเรียกเข้าไปคุยเพื่อขยับตำแหน่งงานกลับมาเป็นผู้ช่วยส่วนบุคคลซะอย่างงั้น

พระเจ้าครับ ผมไม่เข้าใจพระองค์จริงๆนะเนี่ย
วันที่ผมยังงัยก็ได้ พระองค์ก็ไม่เอายังงัย แต่พอผมเลือกจะเอายังงัย พระองค์ก็ดูเหมือนจะให้ไปอีกทางหนึ่ง

การละวางสิ่งที่เราเห็นว่าดีที่สุดในระยะยาว เพื่อวันนี้ อาจเป็น ความถ่อมใจ กระมัง ที่พระเจ้าต้องการบอกเรา

Sep 13, 2008

ดูหนังดูละครย้อนดูตัว...จาก Handcock ถึง death race

ช่วงนี้เหมือนร่างกายส่งสัญญาณทางเทคนิค ถึงความไม่ปกติในการดำเนินชีวิต
ไม่รู้จะเล่ายังงัยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนตัวเองโง่ลง ฉลาดน้อยลง หงุดหงิดง่ายขึ้น (ชอบ)อยู่คนเดียวมากขึ้น...

วันนี้หลังเลิกงาน ปวดหัวมากๆ ก็เลยไปนั่งหลับที่เอสพลานาดสักพัก (บ้านช่องไม่มีให้กลับ น่าสงสาร --')
ตื่นมากินข้าวแล้วก็เลยแว้ปดู death race ระหว่างเรื่องก็สนุกระดับหนึ่ง
แต่ที่ชอบที่สุดคงเป็นบทพูดของนักแสดงนำชายมากกว่า
...จริงๆนะ ผมคิดว่า คนที่ชีวิตคุ้นเคยกับความชั่วร้าย เมื่อมีคนคนหนึ่งที่เชื่อในส่วนดีของเขา นั่นก็มากพอที่จะเป็นกำลังให้เขากลับใจใหม่ ตั้งใจดำเนินเติบโตต่อไปในความดี และถ้าเขาสูญเสียคนๆนั้น ก็พูดต่อยากนะ
อีกประเด็นหนึ่ง คงเป็นฉากจบ
ไม่มีใครในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเป็นพ่อที่พร้อมจะดูแลลูกของผมหรือเปล่า แต่ที่ผมรู้ คือผมรักลูกของผมมากที่สุดในโลกกว่าใคร และนั่นคือเรื่องที่สำคัญ...

ก่อนหน้านี้ ไปดู wall-E กับ ขิง ดูจบแล้วขิงพูดติดตลกว่า เรื่องนี้คนเขียนบทคงมีชีวิตจริงไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ คนทึ่มๆ เฉิ่มๆ ก้มหน้าก้มตาเก็บขยะ ใครเขาไปดาวดวงไหนกันหมดแล้ว หรือไม่ก็เลิกทำกันหมดแล้ว หมอนี่ก็ยังทำต่อไป รื่นรมย์กับสิ่งรอบๆตัว เหงาๆอยู่คนเดียว
แล้วก็ไปแอบหลงรักสาวไฟแรงสูง โฉบเฉี่ยว ทันสมัย มั่น สวย เก่ง ฉลาด
ใครดูแล้วคงพอรู้ว่า ความทุ่มเทของ wall-E สูญเปล่าเพียงใด เนื่องด้วยสาว Eve ไม่เคยรับรู้ถึงสิ่งที่ Wall-E ทำให้
เรื่องนี้ คนสร้างตั้งใจให้เป็นหนังรักคลาสสิค จบอย่างมีความสุข แต่ชีวิตจริง สิ่งที่หวังคงไม่ง่ายที่จะเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ชีวิตจริง...
Eve ยังมีหุ่นรุ่นใหม่ option ครบ function เฉพาะอันแสนเร้าใจรายล้อมอยู่เพียบ
wall-E อย่างผม ก็คงต้องเก็บขยะต่อไป ก็หวังว่า ซักวัน ต้นไม้นั้น ก็คงทำให้ Eve ดีใจได้
หวังว่าซักวัน ความรักจะทำให้ชีวิตของ Wall-E และ Eve สมบูรณ์... เอาน่า อย่างน้อย เธอก็มีความสุขดีนี่นา

ก่อนหน้านั้น ก็คงเป็นเรื่อง Handcock ฮีโร่พันธุ์ประหลาด ผู้ช่วยเหลือที่ไม่มีคนชอบขี้หน้าเอาเสียเลย ก็แหงล่ะ เวลาที่คุณไม่รู้แม้แต่ว่าตัวเองเป็นใคร คุณจะรู้สึกอย่างไร เวลาที่คุณทำเพราะปรารถนาดีกับคนอื่น แต่สิ่งที่คุณได้รับกลับมา คือ การขับไล่ไสส่ง ไม่มีแม้ความรู้สึกว่า ขอบคุณ
มันก็อดรู้สึกนึกถึงตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้น้อยใจอะไรมากมายหรอกนะ ชินแล้วแหล่ะ
ประเด็นคงเป็นเรื่องของการที่ฝ่ายชายเสียสละ ไม่ว่าจะกี่ครั้ง จะกี่หน จะนานเท่าไหร่ เขาก็ยังยืนยันจะเสียสละความรักของเขาที่มีต่อฝ่ายหญิง เพื่อให้ฝ่ายหญิงมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ฟังๆแล้วอาจไม่เข้าใจ ลองไปหาหนังมาดูเองละกันนะ

ความรักนี่ก็แปลก เมื่อปีก่อน ผมยังมั่นอกมั่นใจว่าเราควบคุมความรักได้ เราสั่งให้ใจของเรารักใครก็ได้ แต่วันนี้ ผมรู้แล้วว่า สิ่งที่ผมเคยคิด อาจจะจริง แต่ยังไม่ครบ

พระเจ้า ทรงเป็นความรัก
พระองค์ทรง เติม ให้เรา เต็ม ด้วยพระองค์เองฉันใด ความรัก ที่แท้จริง ก็จะเติมใจเราให้เต็มฉันนั้น
ความรักเช่นนั้น คงไม่ได้เจอกันง่ายๆ จนพอจะสั่งให้ใจของเรา รัก ให้ได้หรอกนะ