Jan 8, 2015

เด็กน้อยของพ่อ ลูกรักของแม่

กลับมาบ้านครั้งนี้ สภาพแม่แย่ลงมากๆ
แม่พูดเสียงเบามาก แทบไม่มีแรงแม้แต่จะยกช้อนตักข้าวใส่ปาก
ความจำก็เลอะเลือน แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย
ตลอด 4-5 วันที่อยู่กับแม่ ทุกครั้งเวลาที่แม่รู้สึกตัวดี
ก็จะถามซ้ำเรื่องเดิมๆ ทำงานเป็นยังไง นอนดึกไหม
กินข้าวมื้อละกี่บาท กินอิ่มไหม ห้องที่อยู่เป็นยังไง...
แต่ช้อตที่ผมรู้สึกสะเทือนที่สุดคงเป็นตอนที่แม่สลึมสลือง่วงนอน
แต่ก็ยังฝืนคุยกับผมที่นั่งอยู่ข้างเตียง
จะทำกินยังไง ขายปุ๋ยสิ เลี้ยงกุ้งสิ เก็บเงินเก็บทองไว้บ้าง
หรือไม่ก็พูดเรื่องชีวิตคู่ ให้รักกันดีๆ ใจเย็นๆ ช่วยกันทำมาหากิน...

ผมรู้สึกว่า แม้แม่จะแทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว
แต่แม่ไม่ได้กังวลกับสภาวะของตัวเองมากไปกว่าเป็นห่วงว่าผมจะไม่ค่อยดูแลตัวเอง
แม้แม่จะเดินไม่ได้ แต่แม้กลับกังวลมากกว่าว่า ผมเติบโตจนเดินเองได้หรือยัง
แม้แม่จะไม่สบายเอาซะเลย แต่แม่กลับเป็นห่วงว่าผมเป็นอยู่สบายดีไหม
ในสายตาของแม่ ผมก็ยังเป็นลูก เป็นเด็กน้อยของแม่อยู่เสมอ

ทั้งที่ในความเป็นจริง ตอนนี้แม่แทบไม่ต่างจากเด็กเล็กคนนึงที่พ่อคอยดูแลอยู่
ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงนอนไปแล้ว ถ้าแม่ปวดฉี่ พ่อก็ยังต้องลุกขึ้นมาพาแม่เข้าห้องน้ำ
ช่วยป้อนข้าว คอยประคองเวลาจะลุก จะนั่ง จะนอน
กดเครื่องระบายน้ำจากกระโหลกศรีษะ
ทำกายภาพ ทำกับข้าว อาบน้ำ
เวลาแม่หงุดหงิด ต่อว่า ประชดประชัน ซึ่งเป็นอาการปกติของคนที่ผ่าตัดสมอง
พ่อก็อดทน และเปลี่ยนบรรยากาศให้กลายเป็นเรื่องขบขันไป

พ่อบอกว่า หลังๆ มานี่ แทบไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ทำอะไรเลย
เพราะปล่อยแม่ไว้ให้อยู่ลำพังไม่ได้เลย
ลองจ้างคนอื่นมาอยู่ด้วย ก็ไม่ได้ แม่ไม่ไว้ใจเขา แม่จะเกร็งและดูเครียด
ตอนนี้เลยดูเหมือนจะเหลือกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น
.
.
.

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเด็ก นั่นอาจช่วยให้เราย้อนนึกถึงชีวิตเราในวัยเยาว์
หรือความสำคัญของเด็กและเยาวชน ฅนรุ่นต่อไป
แต่วันนึง ถ้าเราไม่ประสบอุปัทวเหตุจนตายไปเสียก่อน
เราอาจต้องกลับไปมีสภาพคล้ายเด็กเล็กๆ ฅนหนึ่งอีกครั้งก็เป็นได้

ดังนั้น ในอีกแง่มุมหนึ่ง วันเด็ก จึงอาจช่วยให้เราระลึกถึงวัฏสงสาร
ช่วยให้เราปลงจิต สำรวมใจเราได้บ้าง ว่าอะไรคือแก่นสารของชีวิตกันแน่...
.
.
.

เท่าที่ผมรู้ พ่อไม่เคยบอกว่า รักแม่
แต่จากที่ผมเห็น ผมรู้ว่า พ่อรักแม่
แม้ว่าวันนี้ แม่อาจจะเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ คนหนึ่งก็ตาม




No comments:

Post a Comment