Aug 9, 2009

กว่างตัวหนึ่ง

เมื่อคืนวาน หลังจากถกอภิปรัชญากันอย่างยาวนานร่วม 4 ชั่วโมง
ระหว่างเดินกลับบ้านในซอยเปลี่ยวๆ ตอนตี 2

พลันหมา 4-5 ตัวแถวนั้น ก็ลุกขึ้นเห่าหอนกันเสียงระงม !!!
ล้อเล่น... (ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องหลอน)

จริงๆ แล้วผมเห็นกว่างตัวหนึ่งนอนแอ่งแม้งอยู่ริมทาง ขาทั้ง 6 ของมันตะกายชี้ฟ้าอย่างช้าๆ คล้ายๆ จะหมดแรง
สงสัยว่ามันคงจะตะกายมานาน
ด้วยความสงสาร ก็เลยเอาเท้าเขี่ยๆ นึกว่ามันจะพลิกตัวได้ ท่าทางมันจะอุ้ยอ้ายกว่าที่ผมคิดไว้ ก็เลยก้มลงหยิบตัวมันคว่ำลง
มันอยู่กับที่นิ่งๆซักพักนึง สงสัยว่าคงจะกำลังมึนอยู่ ไม่รู้มันจะเป็นเหมือนคนหรือเปล่าเนาะ

เห็นมันอยู่นิ่งๆ ผมก็กลัวรถจะวิ่งมาเหยียบมัน ก็เลยยืนดูอยู่ซักพัก หันซ้ายหันขวา กำลังคิดอยู่ว่าจะหยิบมันไปวางตรงไหนดี
ทันใดนั้น มันก็ขยับปีกแข็งของมันขึ้น แป้บเดียวที่ผมเห็นปีกมันขยับ มันก็ทะยานตัวขึ้นไปตามแสงของหลอดไฟข้างทางอย่างรวดเร็ว ไปโดยไม่ลา ไม่มีแม้คำขอบคุณซักคำ... ^^

ผมเดินกลับบ้านต่อ หางตาผมเห็นแค่เงาของกว่างตัวนั้นกำลังบินไปที่ไหนซักแห่ง... อาจจะเป็นบ้านของมัน

.......

คนเราคงมีกันบ้าง บางช่วงบางจังหวะของชีวิตที่ทำผิดพลาด พลาดชนิดไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวของเราเอง แม้เราจะพยายามแล้ว บางทีอาจจะพยายามมาทั้งชีวิต แต่ความผิดพลาดนั้นก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ขณะที่เรี่ยวแรงของเรากลับหมดลงทุกทีๆ

บางคนคงรีบเกินกว่าจะมองเห็นคนอย่างเรา บางคนอาจจะไม่เคยก้มลงมาต่ำพอจะมองเห็นได้ บางคนอาจจะสะกิดให้เราสู้หรือหนุนใจให้เราลุกขึ้น เพราะเชื่อในศักยภาพของเรา แต่การที่ยังเห็นเรานอนแอ้งแม้งอยู่ บางคนคงไม่พอใจ อีกทั้งอาจมองว่าเราใจไม่สู้เอาเสียเลย

ผมเชื่อว่า คนเราทุกคนมีความฝันที่ตั้งใจจะทำกันทั้งนั้น สิ่งที่คนเรา้ต้องการคือ ใครสักคนที่จะสนับสนุนเขา ช่วยจนเขากลับตัวมาตั้งต้นเองได้ กลับมาอยู่ในท่าปกติ ที่ตัวเขาเป็น

ถึงเวลานั้น เพียงไม่กี่อึดใจ ไม่นานเกินรอ เขาจะบินทะยานขึ้นไปตามฝันของเขาเหมือนเจ้ากว่างตัวนั้น

บางครั้งเราก็อยู่ในสถานะ ที่สามารถช่วยคนอื่นได้ เหมือนผมช่วยกว่างตัวนั้น
บางครั้งเราก็เป็นเหมือนกว่างตัวนั้น ที่นอนอย่างหมดแรง หมดหนทางจะพลิกกลับมาได้ด้วยกำลังของตัวเอง
แต่ถึงจะยังไม่มีใครมาช่วยก็อย่าเพิ่งรีบหมดหวัง อย่าถอดใจยอมแพ้นอนตายอยู่ข้างทาง
จงมีความเชื่อ จงมีความหวังอยู่้เสมอจวบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
มีการช่วยกู้ให้กับผู้ที่ร้องขอเสมอ

สู้ต่อไป กว่างน้อย !!!

2 comments:

  1. นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่ง แมลงภู่บินไม่ได้ (Bumblebees Can't Fly)
    แบรรี่ ซิสไคนด์ เขียน พรรณี ชูจิรวงศ์ แปล

    เป็นที่รู้กันมานานในหมู่นักวิทยาศาสตร์ด้านแอโร่ไดนามิคว่า...แมลงภู่บินไม่ได้
    เหตุผลคือพวกมันอ้วนและหนักเกินไป ปีกหรือ ก็บอบบางเกินไป
    ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงทฤษฎีการเคลื่อนไหวในอากาศแล้ว...แมลงภู่ไม่มีทางบินได้
    ทว่าแมลงภู่อ่านหนังสือที่เขียนไว้ตรงนี้ไม่ออก
    แถมพวกมันฟังนักวิทยาศาสตร์คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง
    พวกมันไม่รู้ตัวเลยว่ามีข้อจำกัดมากขนาดไหนตามที่ถูกวิเคราะห์ไว้
    สิ่งที่เกิดขึ้นคือแมลงภู่ทุกตัวบินได้ และบินตลอดมา!

    พวกเราหลายคนมักเชื่อในข้อจำกัดมากมายที่คนอื่นคอยบอกเรา
    มันถึงเวลาแล้วที่เราจะเอาสติปัญญาและไหวพริบปฏิภาณกลับคืนมา
    เพื่อทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
    เช่นเดียวกับแมลงภู่ที่ไม่สนใจกับข้อจำกัดใดๆ
    แล้วพวกเราจะออกบิน!

    ReplyDelete
  2. ละเอียดอ่อนจริงๆ นะคุณเนี่ย

    ReplyDelete