ลองหลับตานึกถึงใครซักคนที่มีลักษณะดังนี้
+ สอบที่ไร ได้ ศูนย์ คะแนน เป็นเรื่องปกติ
+ ชอบนอนกลางวัน
+ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้
+ ถูกเพื่อนๆ แกล้งเป็นประจำ
+ ร่างกายไม่แข็งแรง เล่นกีฬาไม่เก่ง
+ รักธรรมชาติ รักเพื่อนพ้อง
+ เป็นคนมีเมตตา จิตใจอ่อนโยน มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
+ เป็นคนอดทน ไม่จดจำความผิด รักสันติ
+ มีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์
+ ปกติเป็นคนอ่อนแอ ขี้กลัว แต่ก็กล้าหาญได้ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาคับขัน
+ ...
นึกถึงใครบ้างไหมครับ...
เมื่อเช้านี้ปวดหัวหนักมาก ไม่ได้ไปทำงาน ก็เลยได้มีโอกาสเจอกับเพื่อนเก่าคนนึง ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว
เขามักจะเข้ามาหนุนใจผมหลายๆครั้งที่ผมรู้สึกท้อถอย หมดกำลังใจ
วันนี้ เขาเล่าเรื่องการเดินทางครั้งใหม่ของเขาให้ผมฟัง ดูแล้วก็ทันสมัยไม่น้อย
เป็นเรื่องของภาวะการลดลงของป่าไม้เนื่องจากการดำรงชีวิตของมนุษย์
เรื่องครั้งนี้เริ่มต้นจากความอ่อนโยนของเขา ซึ่งก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีด้วยความพยายามของเขา
และแน่นอนว่า ช่วงท้ายของเรื่อง เขาก็ร้องไห้อีกแล้ว
เขาเล่าต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง ชนิดแผ่นเดียวจบ
ผมยังคงนั่งคิดถึงสิ่งที่เขาพูด
เรื่องจิตใจที่ห่วงหากันและกัน เป็นสิ่งเชื่อมต่อชีวิดหนึ่งเข้ากับอีกชีวิตหนึ่ง
และเมื่อมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นมา ก็จะได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
ทุกชีวิตต่างคอยเกื้อหนุนกันและกัน ทั่วทั้งจักรวาลจึงอบอวลไปด้วยความรัก
ช่วงท้ายที่เขาต้องจากลาเพื่อน ทุกคนต่างร้องไห้ออกมา
ผมถามตัวเองว่า ทำไมผมถึงไม่ค่อยร้องไห้เมื่อต้องจากลาคนอื่น
หลังจากนั่งตรึกตรองถึงเรื่องราวของเพื่อนผมคนนี้
ผมพบว่า ทุกครั้งที่เขาต้องจากลาคนอื่นเขาร้องไห้พร้อมรอยยิ้มทุกครั้ง
ผมนึกถึงการผจญภัยธรรมดาๆของเขาในชีวิตประจำวัน
จนกระทั่งโลดโผนทั้งใต้สมุทร กลางป่าดงดิบลึก อวกาศอันไกลโพ้น
หรือแม้แต่กระทั่งดินแดนแห่งเวทย์มนต์ หรือ ดินแดนสมัยไดโนเสาร์ก็ตามที
ทุกๆ การเดินทาง ไม่ใช่มีเพียงเขากับกลุ่มเพื่อนๆ
แต่มักจะมีใครบางคนที่ได้ร่วมในการผจญภัยนั้นๆเสมอ
ซึ่งสุดท้าย ต่างฝ่ายต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปตามวิถีทางของตัวเอง
ผมอาจจะยังเข้าใจเพียงบางส่วน
แต่ผมตอบคำถามตัวเองว่า คุณค่าของการลาจาก อยู่ที่เรื่องราวระหว่างทางที่มีต่อกัน
คงต้องใช้ความกล้าหาญไม่ใช่น้อย ที่จะรักและใช้ชีวิตกับคนอื่นอย่างสนุกสนาน
ทั้งที่รู้ว่าวันหนึ่งการจากลาก็จะมาถึง
แต่ดูเพื่อนผมคงนี้ เขาคงเห็นเป็นเรื่องปกติเสียแล้วละมั้ง
ดูเหมือนหัวใจอันอ่อนโยนของเขาไม่เคยคิดมาก และวุ่นวายอยู่กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ผมรู้ว่าแม้ตอนจบเขาอาจดูเศร้าๆ แต่ครั้งหน้า เขาก็จะสนุกกับชีวิตได้อีก
ในเมื่อวันหนึ่งการจากลาย่อมมาถึงอย่างแน่นอน
อย่างช้าก็ด้วยความตาย
ทำไมเราถึงไม่ใช้ชีวิตในวันนี้กับคนรอบข้างอย่างมีความหมาย
สิ่งละอันพันกันทีละน้อยเป็นเรื่องราวระหว่างทางที่มีต่อกันและกัน
ถักทอเป็นคุณค่าที่มีให้ต่อกัน ซึ่งมันจะคงอยู่ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจอยู่
ต้องขอบคุณเพื่อนผมคนนี้มาก
ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป
ไม่ได้แค่เพียงมีชีวิตอยู่เท่านั้น
อีกทั้งช่วยให้ผมเข้าใจมากขึ้นด้วยว่า
เพราะอะไรความรักจึงเข้มแข็งดั่งความตาย
นึกออกไหมครับ เพื่อนผมคนนี้คือใคร...
ชื่อของเขา คือ โนบิ โนบิตะ ครับ
No comments:
Post a Comment