ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เจ็บหลังแบบแปลกๆ ไม่รู้ว่าไปยกของผิดท่ามาหรือเพราะอะไร แต่ปวดมากๆจริงๆ จนเมื่อวานคืนวันเสาร์ มันเปลี่ยนมาปวดแน่นๆแถวๆหัวใจแทน หายใจเข้าลึกๆไม่ได้เลย ปวดมาก
วันนี้ตอนนมัสการก็ปวดมาก ปวดจริงๆ นึกขึ้นมาได้ว่า เคยปวดมากๆอย่างนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว สงสัยว่าเราเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า เราจะหัวใจวายตายไหมเนี่ย พอนึกถึงตรงนี้ ความคิดหลายอย่างก็หลั่งไหลเข้ามา โดยเฉพาะกับคำถามที่ว่า หากวันนี้ต้องตายจริงๆ อะไรเป็นสิ่งที่เสียใจที่สุดที่ยังไม่ได้ทำเพื่อพระเจ้า
ผมนึกถึงผู้หญิง 2 คน ผู้หญิงทั้งสองคนนี้เป็นคนที่ผมรักและแคร์มากที่สุด บ่อยครั้งที่ผมทำให้ทั้งสองคนนี้เสียใจ คนนึงแม้จะยังไม่รู้จักพระเจ้า แต่ผมมั่นใจมากกว่าเธอรักผม เป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ส่งผ่านความรักของพระองค์มาให้ผม ส่วนอีกคนนั้นแม้จะรู้จักพระเจ้าแล้ว และเป็นคนที่พระเจ้าใช้สอนผมเรื่องความรัก อีกทั้งยังเป็นคนที่ผมตั้งใจจะใช้เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกันกับเธอ แต่ผมไม่มั่นใจนักว่าตัวเธอเองคิดเหมือนผมหรือเปล่า
จากการปวดใจครั้งนี้ ทำให้ผมขอบคุณพระเจ้าอย่างมาก ผมซาบซึ้งที่พระเจ้าทรงรักผมผ่านทางแม่ผมอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น พระองค์ยังสอนให้ผมรักคนอื่น"เป็น" ความรักที่อดทนนานต่อความเจ็บปวด ความรักที่มีความปรารถนาดีให้เสมอ ความรักที่ซื่อสัตย์เชื่อใจกัน ความรักที่ร่วมชื่นชมในสิ่งดีงาม ความรักที่รู้จักการเอาใจใส่กันและกัน ความรักที่จะอยู่เคียงข้างกันเสมอไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ ความรักที่พร้อมจะเชื่อในส่วนดี ให้โอกาส และมีความหวังใจในอีกฝ่ายเสมอ
ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ผมรู้จักคุณค่าของชีวิต ทำให้ผมรู้ว่า อะไร หรือ ใคร คือ คนที่มีคุณค่ากับผมมากที่สุดในชีวิต มากเสียจนไม่สามารถปล่อยให้"เธอ"ไม่รู้จักกับพระเจ้าได้ มากเสียจน ผมจะไม่ยอมปล่อยให้เธอเดินจากไปเหมือนที่เคยเป็นมา ผมต้องมุ่งมั่นทำให้เธอมั่นใจ(โดยเฉพาะการอธิษฐาน)ว่า "ผม" คือ คนที่เธอวางใจว่าจะใช้เวลาของชีวิตที่เหลือกับผม
แม้ว่าสถานการณ์ของชีวิตผมช่วงนี้ ดูเหมือนจะเลวร้ายมาก แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ พระเจ้ากำลังเปลี่ยนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ให้เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว เป็นคนจริงของพระเจ้า ผมเห็นอนาคตและการอวยพรของพระเจ้า ในช่วงเวลาแห่งความมืดมิดนี้อย่างชัดเจน
แม้บางครั้ง เราอาจจะไม่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของเราที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่ไม่ได้มีทางให้เลือกเดินมากนัก แต่ผมเชื่อมั่นว่า อย่างไรเสีย หาก"นั่น" เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากเพียงพอที่เราจะสละทั้งชีวิตเพื่อให้ได้มา ผมคิดว่า "นั่น" คือความรัก เป็นความปีติสุขที่ยิ่งใหญ่ เป็นความหมายของชีวิตที่มากมาย อย่างน้อยก็กับคนๆหนึ่ง เช่น "ผม" จริงๆ
No comments:
Post a Comment