May 3, 2011

ถวิลหา

เมื่อวานนี้เป็นวันที่พีคมาก
จริงๆ แล้วก็สะสมมาได้ ๔-๕ วันแล้วล่ะ... หรืออาจจะเป็นเดือนก็ได้นะ
และก็อาจจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีก ๒-๓ สัปดาห์ละมั้ง
ดีอย่างที่ว่าคราวนี้ อารมณ์ไม่ระเบิดออกให้คนข้างเคียงต้องเจ็บปวด
เพียงแต่อัดอั้น เป็นแรงกดดันอยู่ภายในตัวเองเท่านั้น

ช่วงเวลาแบบนี้ มักจะนึกถึงข้อพระคัมภีร์ข้อนึงอยู่เสมอๆ
“มิตรสหายก็มีความรักอยู่ทุกเวลา และพี่น้องก็เกิดมาเพื่อช่วยเหลือกันในวันทุกข์ยาก”

หยิบแฟ้มที่เก็บการ์ดและโน้ทหนุนใจขึ้นมาอ่าน
เรื่องราวและลายมือของผู้เขียน ชวนให้คนอ่านนึกย้อนถึงวันเวลาที่ล่วงผ่าน
คำขอบคุณ คำหนุนใจ คำเตือนสติ คำแซว แม้แต่คำอำลา...

นึกถึงหน้าตาท่าทางของคนเขียน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ...
เหมือนดั่งว่าเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน
ทั้งที่ความจริง กระดาษบางแผ่น มีอายุร่วม ๑๐ ปี

หลายแผ่นเขียนจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ชมรมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
หลายแผ่นเขียนจากพี่สาวอารมณ์ดี ผู้ที่ผมเคารพและสนิทมากคนนึง (ผมยังจำ บ่ายต่อดึก ของเจ๊ได้นะ)
บางแผ่นเขียนโดยพี่ชายที่ผมทำนิสัยแย่ๆ กับเขาไปหลายครั้ง
บางแผ่นตัดเก็บจากหนังสือ ที่อ่านแล้ว “โดน” ในช่วงนั้นๆ
หลายแผ่นเขียนจากน้องสาวคนนึงที่ผมรักมาก
และอีกหลายแผ่น เป็นคำขอบคุณจากต่างกรรมต่างวาระกัน
เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน...

หลายชิ้นเป็นโปสการ์ดที่เจ้าของเดินทางไปที่ต่างๆ แล้วนึกถึง
บางชิ้นเป็นภาพถ่ายที่ไม่มีตัวอักษรใดๆ มีเพียงสีหน้าและความรู้สึกที่อยู่ในนั้น
มีชิ้นหนึ่งเป็นเหมือนเศษกระดาษไหม้ไฟ ส่วนอีกชิ้นหนึ่ง เป็นการ์ดวันเกิดย้อนหลังที่ผมอ่านแล้วซึ้งใจ
รวมถึงอีกหลายต่อหลายชิ้น ซึ่งต้องนับทุกชิ้นเป็นงานแฮนด์เมด
เพราะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว...

เจ้าของกระดาษหนุนใจเหล่านี้ บางคนยังสนิทกันอยู่ดี หลายคนก็ยังติดต่อได้อยู่
มีไม่น้อยที่ห่างเหินกันไปบ้าง ตามวัย ตามระยะทาง และภารกิจของชีวิตแต่ละคน
ซึ่งก็ยังดีกว่าอีกหลายคน ที่ผมเองนึกไม่ออกว่าจะได้เจอกันที่ไหนอีก...
แต่อย่างไรก็หวังว่า ทุกคนจะกำลังมีความสุขกับชีวิตของตัวเองดีอยู่นะ

นั่งอ่านแล้วก็มีกำลังใจขึ้นมา นึกถึงภาพหนึ่งในความทรงจำ
ที่พี่ประกิจร้องเพลง “กำลังใจ” ให้ฟัง

สำหรับทุกคนที่ผม tag มา และอีกหลายคนที่อ่านไทยไม่คล่องหรือผมไม่มีเฟซ
อยากบอกว่า “ขอบคุณมาก”

ขอบคุณมากสำหรับการระลึกถึง
ซึ่งครั้งหนึ่งได้แปรรูปส่งมาถึงยังมือของผมให้จับต้องได้
ไม่ว่าจะในรูปแบบของกระดาษโน้ท โพสการ์ด ภาพถ่าย หรือ จดหมาย
มันยังคงมีชีวิตอยู่ ผมเองได้เก็บรักษาทุกชิ้นไว้อย่างดี

ขอบคุณ สำหรับความเป็นมิตรสหายและความเป็นพี่น้องที่มีให้กัน...

อย่างน้อยครั้งหนึ่ง สิ่งที่ท่านได้มอบไว้ให้ วันนี้ ได้ช่วยให้ผม มีกำลังใจขึ้นมากทีเดียว
ขอบคุณจริงๆ ครับ


ขนมหวาน
ในรัชสมัยพระจักรพรรดิออกัสตัส (Augustus, ๖๓ ปีก่อนคริสต์ศักราช ค.ศ.๑๔) แห่งจักรวรรดิโรมัน ได้มีการจัดตั้งระบบการติดต่อทางไปรษณีย์ของทางการ (state post) ขึ้น มีการใช้ม้าในการส่งข่าวสาร มีการจัดตั้งสถานีที่พักสับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่และม้า มีอาหารและที่พักพิงสำหรับเจ้าหน้าที่สื่อสาร และข้าราชบริพารที่เดินทางมาพักเรียกว่า โพซิตัส (positus) แปลว่าตั้งไว้หรือกำหนดไว้ เชื่อว่าเป็นที่มาของคำว่า “post” (การไปรษณีย์)

หลังจากที่ผู้คนหันไปใช้บริการอินเตอร์เน็ตกันอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้โลกของเราก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล ซึ่งพลิกโฉมวิถีชีวิตของผู้คนจากการเขียน (writing) ไปเป็น การพิมพ์ (typing) มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้โลกของเราจะก้าวล้ำไปด้วยเทคโนโลยีดิจิตอลอีกไกลแค่ไหน ผมก็ยังคิดว่า การเขียนด้วยกระดาษและดินสอ (หรือปากกา) ยังคงความคลาสสิคไว้ได้ดั่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

No comments:

Post a Comment