หลายครั้งที่เราดูการแข่งขันฟุตบอล แล้วทีมที่ถูกนำไปก่อนในครึ่งแรก พลิกกลับมาชนะได้ในที่สุดเมื่อจบเกมส์ ผมคิดว่า มีหลายปัจจัยสำคัญที่เป็นเหตุให้เกิดผลการแข่งขันดังกล่าว เช่น ความสามารถและกำลังใจของผู้เล่น นอกจากนั้น การแก้เกมส์ของโค้ชก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนสำคัญอย่างมาก
ช่วงพักครึ่งเวลา จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการประเมินการเล่นในครึ่งแรก ประเมินทั้งสภาพผู้เล่นทีมของเรา สภาพและวิธีการเล่นของทีมคู่แข่ง และสภาพแวดล้อมอื่นๆ ไม่เพียงประเมินแต่ต้องทบทวนและปรับปรุงด้วย สิ่งสำคัญสุดท้าย ต้องไม่ลืมที่จะจูงใจ
ดังนั้น หากประเมินไม่ตรง หรือ ทบทวนไม่เป็น หรือ แก้ไขไม่ได้ หรือจูงใจไม่ถึง การเล่นในครึ่งหลังคงไม่ต่างจากครึ่งแรกเท่าไหร่
กีฬาทุกชนิดมีกติกาของมัน เมื่อเราเริ่มต้นตุกติก เราก็เริ่มต้นความพ่ายแพ้
วิธีเดียวที่จะไม่ต้องเคารพกติกา คือ สร้างกีฬาใหม่ของเราขึ้นมาเอง หากเราเป็นผู้กำหนดกติกาเสียเองแล้ว เล่นอย่างไรก็ชนะ
แต่ทว่า กีฬานี้จะได้รับการยอมรับโดยทั่วไปหรือ หากเอาแน่เอานอนกับกติกาไม่ได้...
เพิ่งจะอ่านหนังสือเล่มหนึ่งจบไป half time / Bob Buford แปลไทยว่า พักครึ่งชีวิต
อ่านแล้วมีงงๆกับภาษาที่ใช้ในการแปลบ้าง แต่ก็พอเดาเนื้อหาของต้นฉบับได้
สรุปความกันง่ายๆ ชีวิตคนเราเปรียบคล้ายเกมส์กีฬา ในแง่ที่ว่า ไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะจบเกมส์ ช่วงหนึ่งในชีวิตของคนเราที่คล้ายกับช่วงพักครึ่ง เป็นช่วงเวลาที่เราได้กลับมาประเมินตัวเอง ทบทวนคุณค่าของความสำเร็จในสิ่งที่ผ่านๆมา ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้พร้อมสำหรับครึ่งเวลาหลังที่เหลือ เปลี่ยนวิธีเล่น แต่ยังคงอยู่ในเกมส์เดิม
ยิ่งเราพบคุณค่าที่แท้จริงของตัวเราเองได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะมีเวลาเล่นในครึ่งหลังมากขึ้นเท่านั้น แต่สำหรับบางคน (เช่นผม) หลายๆคำถามที่เกี่ยวข้องกับคุณค่าที่แท้จริงของตัวเอง ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ (และอาจไม่พบเลยชั่วชีวิตนี้) แต่ไม่ว่าอย่างไร เกมส์ชีวิตจริงยังคงดำเนินต่อไป และผมจะเล่นให้ดีที่สุด
บางทีสำหรับตัวผมเอง จุดยากที่สุดสำหรับการเล่นในครึ่งหลังของเกมส์ชีวิต อาจไม่ใช่เพียงการยอมรับความจริงตามกติกาสากลของโลกนี้ (ซึ่งตอนนี้ดีขึ้นมาก) หรือการหา แท็คติก ที่เหมาะสม แต่คือการก้าวออกจากความคุ้นเคยเดิมๆ กล้าที่จะเสี่ยงก้าวไปข้างหน้า กล้าที่จะวางพระเยซูคริสต์ไว้ในกล่องชีวิต กล้าที่จะยอมรับค่านิยมของพระคัมภีร์จริงๆ... (ซึ่งตอนนี้ ผมคิดว่ามันไม่ง่ายเลย)
สิบกว่าปีที่ผ่านมา ปากดีมาตลอด ถึงเวลาที่ต้องเลิกปากดี แล้วเปลี่ยนมาใช้ชีวิตให้ดีแทน...
ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
No comments:
Post a Comment