Feb 17, 2009

เวิ่นเว้อ วุ่นวาย

หลังจากที่สภาพจิตใจค่อยๆดีขึ้นบ้าง ตอนนี้ปัญหาเรื่องเดิมๆก็เริ่มเวียนมาอีกรอบนึง
คิดแล้วก็เซ็งตัวเองอยู่เหมือนกันนะ ต้องมาเจอสถานการณ์เดิมๆอีกละ ไม่ผ่านซักที แต่จะบอกว่าสถานการณ์เดิมๆก็คงไม่ถูกนัก เพราะมันซับซ้อนและยากขึ้นเรื่อยๆ

วงจรอุบาทว์นี้เริ่มตรงไหนนะ
ณ จุดที่เราแข็งแรง เราเห็นว่าเราทำได้ เรามีภาระใจ เรารับงาน ทำๆอยู่ พอต้องทำงานกับคนบางประเภท งานติดขัด งานไม่เสร็จ เกิดภาวะเซ็ง แผนงานต่างๆรวน งานค้าง เครียด ถูกหลอกให้คิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ เหนื่อย ไม่มีที่ปรึกษา ไม่มีเพื่อนหย่อนใจ ความเค้นค้างสะสม ร่างกายเริ่มรับผลจากจิตใจ ต้องใช้เวลานานขึ้นในการคลายจิตใจขณะที่ต้องการเวลามากขึ้นเพื่อทำงานค้างให้เสร็จ คุณภาพในการใช้เวลากับพระเจ้าเริ่มลดลง เริ่มไม่ลึกดื่มด่ำกับพระเจ้า เริ่มประนีประนอมกับกองทัพบาปและความคิดชั่วร้าย ผลของความบาปทำให้เสียการเจิม ความสามารถในการทำสิ่งต่างๆลดลง ขณะที่งานที่มีอยู่ต้องการความสามารถที่สูงขึ้นเพราะมีเวลาทำงานต่อชิ้นลดลง...

ถึงจุดนี้ เริ่มประเมินอะไรไม่ออก ทั้งเรื่องคนและเรื่องงาน ได้ยินเสียงพระเจ้าไม่ชัด วินิจฉัยอะไรไม่ได้ สังเกตุอะไรไม่เห็น กลายเป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่ง ใกล้ตายเต็มที...

จริงๆ ณ จุดที่แข็งแรง ควรเป็นจุดที่ดีที่สุด ที่สามารถต่อยอดทะยานพุ่งขึ้นสูงได้อีก แต่ถ้าทำได้เอง เราคงไม่จำเป็นต้องมีพ่อมีแม่ ที่ผ่านมา ก็คงไม่แปลกหากชีวิตจะโตแบบแกร็นๆอย่างนี้ และก็ไม่โตพอเสียที... ตั้งใจว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะพูดอย่างนี้แล้ว จากนี้ไป ผมจะเลือกเส้นทางที่ผมจะเติบโตด้วยตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ และหยุดการคาดหวังจากคนอื่นอีกต่อไป ก็ไม่ได้บอกว่าดีที่สุด แต่ก็ดีรองลงมา เท่าที่จะคิดได้ มันอาจจะนานซักหน่อย แต่ก็ดีที่สุดในข้อจำกัดที่มี และคงดีกว่าไม่เริ่มทำอะไรเลย

จุดวิกฤตที่สอง คือ เกิดภาวะเบื่อเหนื่อยเซ็ง ซึ่งสาเหตุคงเปลี่ยนไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของคนอื่น ถ้ายังรักจะทำงานรับใช้พระเจ้าต่อไป ยังงัยก็ต้องเจอคนกลุ่มเดิมๆอยู่แล้ว แต่จะลดทอนผลของปัญหาได้ง่ายขึ้นจนถึงขจัดได้ หากได้รับกำลังใจทันท่วงที หากเป็นวงจรอุบาทว์รอบแรกๆ กำลังใจจากพระเจ้าคงยังพอมี แต่ยิ่งรอบมากขึ้น ดูเหมือนอัตราการถลำลึกจะเป็นอัตราเร่งมากขึ้นเช่นกัน

จุดแรก เป็นจุดวิกฤตความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ ไม่ดีขึ้นก็แย่ลง แต่จุดที่สองเป็นจุดวิกฤตอันตราย ถ้าเกิดขึ้น มีแนวโน้มตาย

ผมพูดเสมอว่า ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากมีผมอีกคนเป็นเพื่อน เราจะได้คอยเป็นกำลังใจให้กันและกัน ความเข้าใจกันจะช่วยกันคิดช่วยกันทำได้เร็ว แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มีโอกาสที่ผมอาจจะเป็นตัวอันตรายเกินไปสำหรับโลกใบนี้

เท่าที่ผมจะคิดออก วิธีที่จะลัดวงจรนี้ คือ หาคนที่เขาจะช่วยทำให้ผมเติบโตขึ้น เป็นผู้ชายแท้มากขึ้น รักพระเจ้ามากขึ้น และผมมั่นใจว่า เขาพร้อมจะยืนเคียงข้างกับผมจนวันสุดท้าย... ผมก็ยังนึกถึง คนที่จะมาเป็น ภรรยาของผมอยู่ดี

ถึงตอนนี้ ผมคิดว่า นั่นอาจเป็นสิ่งที่ผมคิดจากความตั้งใจดีเพื่อพระเจ้า แต่พระเจ้าคงมีแผนการที่ดีกว่านี้ให้ผม ผมมั่นใจอย่างนั้นว่าพระองค์เจ๋งแน่นอน ผมกลับมามองตัวเองว่า ณ วันนี้ ผมมีอะไร
ผมตั้งใจว่า ในภาวะ วุ่นวายเวิ่นเว้อ ที่เราต้องยืนเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง มันอาจไม่ง่ายที่จะจัดการ สะสาง แก้ไข ทั้งหมดทั้งสิ้นให้เรียบร้อยในเร็ววัน แต่มันคงไม่เกินไปกว่าสรรพสิ่ง รวมทั้งกำลังที่พระเจ้าให้เราไว้อย่างแน่นอน

สำคัญที่ว่า ใจของเรา ต้องไม่วุ่นวาย เวิ่นเว้อ ไปด้วย เพราะหากเป็นอย่างนั้น ความพ่ายแพ้ในจิตใจ คงปิดบังสายตาเราไม่ให้เห็นโอกาสจากวิกฤติที่เกิดขึ้น และคงนำไปสู่การพ่ายแพ้ที่แท้จริงในที่สุด

แม้จะดูเวิ่นเว้อ ดูวุ่นวาย แต่... ต้องสู้ตายนะ ไอ้ลูกหมา (D.O.G.: Depend On God)

No comments:

Post a Comment