เช้านี้ ตื่นมาแล้วรู้สึกมันวิ้งๆ ไงก็ไม่รุ ดูบรรยากาศมันเงียบๆ วังเวงๆ พาลให้ไม่อยากไปทำงานซะงั้น แต่สุดท้ายก็ไปนะ ด้วยความรู้สึกเป็นหน้าที่และด้วยความรับผิดชอบ
ขึ้นรถ ลงเรือ นั่งมอไซค์ และรถเมล์อีกที
เรื่องมันเกิดตรงนี้แหล่ะ ระหว่างนั่งชืดๆอยู่ในรถเมล์ ก็เหลือบไปเห็น ผู้หญิงคนหนึ่งที่อีกฝั่งฟากถนนหนึ่ง จากชุดและกระเป๋าที่ใส่ เข้าใจว่าคงเป็นพนักงานบริษัททั่วๆไป สวยหรือเปล่าไม่รุ ไกลเกินมองไม่ชัด ดูเธอรีบๆเขย่ง คงจะรีบเดินทางไปทำงาน...
ไม่รู้จะเรียกว่าเขย่งดีไหม เพราะเธอเดินด้วย 1 ขา กับ 1 ไม้ค้ำ
มันเหมือนนั่งดูหนังมากครับ ท่านผู้ชม เหมือนเขาใช้ effect พิเศษ ลบขาข้างหนึ่งทิ้งไป
ยังครับ ยังไม่พอ ทิศทางที่เธอเดินไป เธอเดินไปทางสะพานลอย... หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่คิด
พระเจ้าช่วย !!! เห็นอีกที เธอกำลังขึ้นสะพานลอยครับ เขย่งๆขึ้นสะพานลอย... Oh My God !!!
ผมหันมองซ้ายมองขวาอีกทีให้แน่ใจว่าไม่มีกล้องตั้งอยู่
เชรี่ยเอ้ย แม่งไม่ใช่หนังนะโว้ย !! นี่มันเรื่องจริง
ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวสวย มีขาข้างเดียว เธอกำลังสู้ชีวิต เธอกำลังไปทำงาน ...
กรูมีอวัยวะครบ แต่ถ้าทางจะพิการทางจิตใจมากกว่าเธอซะละมั้งเนี่ย
เธอต้องใช้ กำลังใจ มากขนาดไหนกัน ในแต่ละเช้าที่ลุกขึ้น ในแต่ละวันที่ดำเนินชีวิต เธอคงทำอะไรไม่สะดวกเหมือนอย่างเราๆ
การที่เธอพิการทางกาย ไม่ได้แปลว่าเธอจะพิการทางจิตใจ หรือพิการความสามารถทางด้านอื่นไปด้วย
ผมไม่รู้เหมือนกัน ถ้าวันหนึ่งผมตื่นมาแล้วเหลือขาอยู่ข้างเดียว ผมจะรู้สึกอย่างไร
แต่สำหรับเหตุการณ์เช้านี้ ทำให้ผมตั้งใจกับตัวเอง 2 อย่าง
1. ผมจะเข้มแข็งในด้านจิตใจมากขึ้น ไม่ย่อท้อ หรือยอมแพ้ง่ายๆ กับความโหดร้ายของโลกนี้
2. ผมจะให้เกียรติ และปฏิบัติต่อผู้พิการอย่างคนปกติมากขึ้น ให้ความเข้าใจในความแตกต่าง และพยายามจะไม่เผลอดูถูกเขาจากความพิการทางร่างกายของเขา
นึกถึงเมื่อเช้าแล้ว ภาพ 1 ขา 1 ไม้ค้ำยันยังติดตาอยู่เลย... เนี่ยแหล่ะ แม่งชีวิตจริง
No comments:
Post a Comment