Nov 24, 2009

ใครว่าโลกกลม

The world is flat เป็นหนังสือเล่มล่าสุดที่ผมอ่านจบลง หนังสือเล่มนี้พูดถึง สภาวะ ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ที่เราอาศัยอยู่

ผมเห็นด้วยว่าโลกของเราแบนลงเรื่อยๆ ไม่ใช่ในทางกายภาพ แบนลงในความหมายว่า ทุกคนมีศักยภาพในการเป็นคนสำคัญต่อโลกนี้เท่าเทียมกันมากขึ้นเรื่อยๆ โลกทั้งใบกำลังเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน

วิทยาการ ความรู้ และวิธีการใช้ชีวิตของคนในโลกนี้กำลังจะเปลี่ยนไป จริงๆมันก็เริ่มเปลี่ยนมาได้ซักพักแล้วล่ะนะ

คนรุ่นอายุผมอาจจะเป็นคนรุ่นที่ต้องปรับตัวตลอดชีวิตก็เป็นได้ ลองคิดถึงสมัยเด็กๆ สิ
ผมจำได้ว่า ผมตื่นเต้นกับโทรทัศน์สีเครื่องแรก และ เครื่องเล่นม้วนวิดีโอเทป เครื่องแรกของบ้าน (เป็นเครื่องแรกๆของหมู่บ้านเลยทีเดียว)
ผมใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรก จอเขียวๆ ต้องพิมพ์คำสั่ง DOS ยาวๆ ช้ามากอีกต่างหาก (ความจุฮาร์ดดิสเท่าไหร่นะ 4 หรือ 8 GB นี่แหล่ะ)
Pen friend เป็นเรื่องที่ตื่นเต้นในการได้มีโอกาสรู้จักพูดคุย และเป็นเพื่อนกับคนต่างชาติ
สมัยเรียน ม.ปลาย ใครมี Pager ใช้ นายเท่ห์มาก ส่วนโทรศัพท์มือถือไม่มีครับ มีแต่โทรศัพท์กระเป๋าหิ้วที่ทั้งหนักทั้งแพง(มากกกกก)
และอีกหลากหลาย "ความใหม่" ที่หายไปในช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งชีวิตของผม

โลกทั้งแบนราบและเล็กลง มันเล็กลงจนคนเล็กๆคนไหนก็ได้ สามารถเป็นที่รู้จักข้ามโลกได้เพียงข้ามคืน (Susan Boyle จำได้ไหม)

การดำเนินธุรกิจ หรือ การกำหนดนโยบาย ทั้งในระดับขององค์กรหรือประเทศจากส่วนกลาง กำลังจะตาย ไม่เว้นแม้แต่ วงการสื่ออย่างวิทยุและโทรทัศน์ หากยังใช้ Business model เดิมๆ

ผู้ชม ผู้บริโภค ประชาชน ในยุคปัจจุบัน มีพลังในการคัดเลือก สูงกว่าเมื่อ 30 ปี ที่ผ่านมาอย่างมาก (ไม่เชื่อ คุณลองถาม ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐ หรือ อดีตนายกฯสมัย รสช. ก็ได้ ว่าอะไรเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อชัยชนะและความพ่ายแพ้ของพวกเขา)

พลังแห่งการแบ่งปันและประสานผลประโยชน์ ก่อให้เกิดการเปิดเผยและเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว เท่าเทียมกัน อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเป็นยุคสมัยที่ต้องคิดให้หนัก หากคุณคิดจะทำสิ่งผิด เพราะไม่ช้าก็เร็ว (ส่วนมากมักเร็วครับ) คุณจะถูกเปิดโปงแน่นอน หรือแค่ "การมั่ว" ก็อาจจะเพียงพอให้คุณโดนเบรกในขณะที่ยังอ้าปากพูดเรื่องนั้นไม่จบ จากใครสักคนที่กำลังเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง

ผมนึกถึง The village หนังเก่าเมื่อหลายปีก่อน เป็นเรื่องของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ เจ็บปวดจากสังคม พวกเขาต้องการปกป้องลูกหลานของเขาจากความชั่วร้ายเหล่านั้น จึงเข้าไปอยู่ในป่า สร้างชุมชนขึ้นที่นั่น สร้างนิยายปรัมปราและธรรมเนียมประเพณีเพื่อกักขังเด็กรุ่นใหม่ๆไว้ในความกลัว ไม่ให้กล้าที่จะก้าวข้ามชายป่าออกมาสู่โลกที่แท้จริง แต่ท้ายที่สุด ความปรารถนาดีของพวกเขาก็จบลงด้วยสถานการณ์บังคับให้ต้องออกจากป่า หากพวกเขาต้องการมีชีวิตอยู่รอดต่อไป

การอยู่รอดในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้ จึงไม่สามารถเพียงแค่การพยายามปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ เช่น การลดต้นทุนลง 5%, การเปลี่ยนรูปแบบรายการ หรือ การเปลี่ยนวิธีการนำเสนอใหม่ แต่ต้องเปลี่ยนกระบวนความคิดใหม่ทั้งหมด

ฟังดูเป็นเรื่องที่ยากไหม ผมคิดว่า จริงๆแล้วความคิดใหม่ๆที่ว่าเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก ก็คือ การรู้จักและยอมรับจุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง การมีความไว้วางใจต่อกัน การทำงานประสานร่วมกัน และการสร้างผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นโดยไม่มีความเคลือบแฝง ผมเชื่อว่า วิถีแห่งการให้ จะเป็นแนวทางเดียวที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชีวิตของเราทุกคนอย่างเป็นปัจเจกชน

เมื่อสัปดาห์ก่อน รุ่นน้องผมคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ที่ออสเตรเลีย ต้องเดินทางกลับกรุงเทพเพื่อผ่าตัดด่วนอย่างกะทันหัน เธอโทรศัพท์หาสายการบินที่นั่น และได้รับความช่วยเหลืออย่างดีมากจากพนักงานสาวชาวอินเดีย ซึ่งนั่งรับสายอยู่ที่อินเดีย!!

อาจจะเป็นไปได้ว่า ไม่เกินชั่วชีวิตของผม โลกนี้อาจมีการจัดระเบียบใหม่ ทุกคนจะมีอุปกรณ์พื้นฐานส่วนตัวที่เป็นยิ่งกว่าบัตรประชาชน, หนังสือเดินทาง, i-phone, Blackberry, Cannon, credit card หรืออะไรก็ตามแต่ ที่สำคัญมัน ล้ำ มาก เพราะไม่ต้องพกพา เนื่องจากมันถูกฝังอยู่ในร่างกายเรา... ก็เป็นแค่จินตนาการ ฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่

แต่อย่างไรก็ตาม หากวันนี้คุณยังไม่ออกวิ่ง โปรดรู้เถิดครับว่าโลกวิ่งไปไกลแล้วและกำลังวิ่งเร็วขึ้น ก่อนที่จะฝันไปไกลถึงขั้นเดินนำโลก ช่วยชะโงกหัวออกไปดูโลกภายนอกบ้างได้ไหม ว่าเขาไปถึงไหนกันแล้ว ออกไปดูซะให้เห็นด้วยตาของตัวเอง แล้วคุณจะรู้ว่าโลกนี้ แม้จะกลมเหมือนผลส้มแต่มันแบนจริงๆ

1 comment:

  1. “The world is flat” is the latest book that I’d read. It’s about “the phenomenon” which has happened in the world that we’re living here.

    I agreed that this world is flatting; not physically but in connotation that anyone has more potential to self-acknowledge to the whole world. We are being connected.

    Technology, knowledge and lifestyle of human might change. In fact, these have been changed for a while.

    Maybe my generation has to assimilate all whole life. Let’s think about when we were young…
    I was so excited with my first colored TV and video player. My first time for computer; it’s green display, long command in DOS, was very slow with hard disk 4 or 8 GB. “Pen friend” was the fantastic activity to communicate with foreigners. “Pager” is so cool when I was high school. “Mobile phone?” be forget it; we only have (so heavy and expensive) “Carried phone”. Many “New things” had gone rapidly.

    The world is flatting and shrinking.

    The power of sharing and cooperation open the gate to access any information suddenly. Don’t be wrong, lie nor guess haphazardly. You might be forced to shut your mouth up by a smart phone while you’re boasting.

    I recognize “The village”, the imaginative story of the community that be settled down in the forest by distressed people, they try to protect their children from this cruel world. They made myths and traditions to seclude and been their wall. Block their young with fear whom never dare to step outside. Finally, their good willingness is enforced to stop. The only way to survive is to step out.

    In the real world, which is changing, any a little adaptation isn’t enough. Paradigm shifting is required.

    In my opinion, the new paradigm is simple and basic. It’s about self-awareness, self-accept strength and weakness, trust the others and sincere to support others. I believe that the way of the giver is the only way to make each of us strong everyone.

    Last week, my friend had to come back to Thailand from Australia for her operation urgently. She called to the airline and was helped gladly from a woman who received her line in India!!

    Possibly, within my period, the world will have the new order. Everyone might have the personal gadget. It’ll be replace your ID card, passport, I-phone, blackberry, Canon, credit card or else. Mostly, it’s cool because it’s will be loaded in your body. It’s just my imagination.

    However, if today you didn’t start to run. Please be informed that all around the world have been running. Before think about to lead the world or outstanding, please crop your head out and see that truly the world’s shape as orange but it’s really FLAT.

    Ref: http://www.facebook.com/note.php?note_id=179267228137

    ReplyDelete