วันนี้ อยู่ทำงานต่อตอนเย็นอีกแล้ว ช่วงนี้งานเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ประกอบกับความอยากเป็นเมเนเจอร์ ก็เลยมีอะไรหลายต่อหลายอย่างให้ทำ ทำงานนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง ยุคสมัยนี้ จะหางานที่ดี หัวหน้างานที่ดี เพื่อนร่วมงานที่ดี (เงินดีด้วย) คงหาไม่ได้ง่าย ขอบคุณพระเจ้าที่นำผมมาทำงานที่นี่
...ออกนอกเรื่องไปไกลเชียว
จะเล่าให้ฟังแค่ว่า เห็นแสงอาทิตย์สวยดี ช่วงเวลา 6 โมงเย็น ที่ดวงอาทิตย์กำลังโต คล้อยลงต่ำเพื่อโผล่ไปปลุกคนอีกฝั่งหนึ่งของโลก ด้วยมุมมองจากชั้น20 ...สวยจริงๆ สงบนิ่งยิ่งนัก
เห็นท้องฟ้ากว้างๆ ก็แอบรำพึงเบาๆกับพระเจ้า "พระองค์อยู่บนนั้นคนเดียว เหงามั้ยครับ" ทันทีทันใดกับความรู้สึกที่คุ้นเคยสัมผัสเข้ามาในใจ "ไม่เหงาหรอก..." "พระองค์เป็นพระเจ้านี่ คงมีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด คงไม่มีเวลามานั่งเหงาหรอก" ผมคิดต่อ (แต่งานจะเยอะยังงัย ก็แบ่งเวลามานั่งวาดท้องฟ้าได้สวยงามทุกวันเสมอนะครับ...คิดซ้อนอีกที)
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เหมือนพระเจ้ากำลังยิ้มอย่างเอ็นดูให้เรา เหมือนพ่อแม่ที่กำลังมองลูกน้อยๆของตัวเองอยู่
เป็นความเข้าใจที่เกิดขึ้นมาในจิตใจของผม เพราะพระเจ้ารักมนุษย์ เพราะพระองค์รักคนในโลกนี้ พระองค์จึงทรงเฝ้ามองดูอยู่ เหมือนกับแม่ที่กำลังมองดูลูกของตน มองด้วยความรัก มองด้วยความเมตตา มองด้วยความหวัง มองด้วยควาวมเอ็นดู มองด้วยความสงสาร
คนเราถ้าไม่รักกัน ให้นั่งมองกันเป็นวันๆคงทำไม่ได้
ความสนอกสนใจลูกๆของพระองค์จึงไม่เคยทำให้พระเจ้ารู้สึกว่ามีพระองค์อยู่ผู้เดียวเท่านั้นล่ะมั้ง ผมคิดว่าพระเจ้าไม่เคยแม้แต่จะมานั่งนึกถึงตัวเองด้วยซ้ำไป
ขอบคุณพระเจ้าครับที่สอนให้ผมรู้ว่า แม้ตอนนี้พระองค์จะทรงอยู่บนฟ้าคนเดียว แต่พระองค์ไม่เคยเหงาเลย ขอบคุณครับ
No comments:
Post a Comment