Sep 13, 2008

ดูหนังดูละครย้อนดูตัว...จาก Handcock ถึง death race

ช่วงนี้เหมือนร่างกายส่งสัญญาณทางเทคนิค ถึงความไม่ปกติในการดำเนินชีวิต
ไม่รู้จะเล่ายังงัยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนตัวเองโง่ลง ฉลาดน้อยลง หงุดหงิดง่ายขึ้น (ชอบ)อยู่คนเดียวมากขึ้น...

วันนี้หลังเลิกงาน ปวดหัวมากๆ ก็เลยไปนั่งหลับที่เอสพลานาดสักพัก (บ้านช่องไม่มีให้กลับ น่าสงสาร --')
ตื่นมากินข้าวแล้วก็เลยแว้ปดู death race ระหว่างเรื่องก็สนุกระดับหนึ่ง
แต่ที่ชอบที่สุดคงเป็นบทพูดของนักแสดงนำชายมากกว่า
...จริงๆนะ ผมคิดว่า คนที่ชีวิตคุ้นเคยกับความชั่วร้าย เมื่อมีคนคนหนึ่งที่เชื่อในส่วนดีของเขา นั่นก็มากพอที่จะเป็นกำลังให้เขากลับใจใหม่ ตั้งใจดำเนินเติบโตต่อไปในความดี และถ้าเขาสูญเสียคนๆนั้น ก็พูดต่อยากนะ
อีกประเด็นหนึ่ง คงเป็นฉากจบ
ไม่มีใครในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเป็นพ่อที่พร้อมจะดูแลลูกของผมหรือเปล่า แต่ที่ผมรู้ คือผมรักลูกของผมมากที่สุดในโลกกว่าใคร และนั่นคือเรื่องที่สำคัญ...

ก่อนหน้านี้ ไปดู wall-E กับ ขิง ดูจบแล้วขิงพูดติดตลกว่า เรื่องนี้คนเขียนบทคงมีชีวิตจริงไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ คนทึ่มๆ เฉิ่มๆ ก้มหน้าก้มตาเก็บขยะ ใครเขาไปดาวดวงไหนกันหมดแล้ว หรือไม่ก็เลิกทำกันหมดแล้ว หมอนี่ก็ยังทำต่อไป รื่นรมย์กับสิ่งรอบๆตัว เหงาๆอยู่คนเดียว
แล้วก็ไปแอบหลงรักสาวไฟแรงสูง โฉบเฉี่ยว ทันสมัย มั่น สวย เก่ง ฉลาด
ใครดูแล้วคงพอรู้ว่า ความทุ่มเทของ wall-E สูญเปล่าเพียงใด เนื่องด้วยสาว Eve ไม่เคยรับรู้ถึงสิ่งที่ Wall-E ทำให้
เรื่องนี้ คนสร้างตั้งใจให้เป็นหนังรักคลาสสิค จบอย่างมีความสุข แต่ชีวิตจริง สิ่งที่หวังคงไม่ง่ายที่จะเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ชีวิตจริง...
Eve ยังมีหุ่นรุ่นใหม่ option ครบ function เฉพาะอันแสนเร้าใจรายล้อมอยู่เพียบ
wall-E อย่างผม ก็คงต้องเก็บขยะต่อไป ก็หวังว่า ซักวัน ต้นไม้นั้น ก็คงทำให้ Eve ดีใจได้
หวังว่าซักวัน ความรักจะทำให้ชีวิตของ Wall-E และ Eve สมบูรณ์... เอาน่า อย่างน้อย เธอก็มีความสุขดีนี่นา

ก่อนหน้านั้น ก็คงเป็นเรื่อง Handcock ฮีโร่พันธุ์ประหลาด ผู้ช่วยเหลือที่ไม่มีคนชอบขี้หน้าเอาเสียเลย ก็แหงล่ะ เวลาที่คุณไม่รู้แม้แต่ว่าตัวเองเป็นใคร คุณจะรู้สึกอย่างไร เวลาที่คุณทำเพราะปรารถนาดีกับคนอื่น แต่สิ่งที่คุณได้รับกลับมา คือ การขับไล่ไสส่ง ไม่มีแม้ความรู้สึกว่า ขอบคุณ
มันก็อดรู้สึกนึกถึงตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้น้อยใจอะไรมากมายหรอกนะ ชินแล้วแหล่ะ
ประเด็นคงเป็นเรื่องของการที่ฝ่ายชายเสียสละ ไม่ว่าจะกี่ครั้ง จะกี่หน จะนานเท่าไหร่ เขาก็ยังยืนยันจะเสียสละความรักของเขาที่มีต่อฝ่ายหญิง เพื่อให้ฝ่ายหญิงมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ฟังๆแล้วอาจไม่เข้าใจ ลองไปหาหนังมาดูเองละกันนะ

ความรักนี่ก็แปลก เมื่อปีก่อน ผมยังมั่นอกมั่นใจว่าเราควบคุมความรักได้ เราสั่งให้ใจของเรารักใครก็ได้ แต่วันนี้ ผมรู้แล้วว่า สิ่งที่ผมเคยคิด อาจจะจริง แต่ยังไม่ครบ

พระเจ้า ทรงเป็นความรัก
พระองค์ทรง เติม ให้เรา เต็ม ด้วยพระองค์เองฉันใด ความรัก ที่แท้จริง ก็จะเติมใจเราให้เต็มฉันนั้น
ความรักเช่นนั้น คงไม่ได้เจอกันง่ายๆ จนพอจะสั่งให้ใจของเรา รัก ให้ได้หรอกนะ

No comments:

Post a Comment