Apr 6, 2009

just a fiction...

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ม้าป่าตัวนี้ถูกล่ามไว้ด้วยเชือกสีทองเล็กๆที่เท้าของมัน...

อัศวินและผู้กล้าหลายคนต่างต้องใจในคุณลักษณะของมัน พยายามจะขึ้นขี่เพื่อครอบครอง ต่างก็เชื่อว่าเชือกเล็กๆนั้นไม่อาจทนทานแรงของมันได้ แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครจะทำให้มันขยับตัวได้

ผู้เฒ่าคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ม้าตัวนี้เดินตามพระราชาออกมาจากป่า แต่หลังจากที่พระราชาเสด็จกลับเมืองหลวง มันก็ไม่ยอมให้ใครขึ้นขี่หลัง มันพยศและไม่ยอมใคร ซ้ำยังอาละวาดทำความเสียหาย ไม่มีใครเอามันอยู่ จนเช้าวันหนึ่ง มันก็ยืนสงบนิ่งไม่ไหวติง โดยที่เท้าของมันถูกล่ามไว้ด้วยเชือกสีทองเล็กๆเส้นนั้น

บางคนบอกว่าเพราะมันเป็นม้ายโสจึงถูกสาป ผ่านไปนานหลายปี คำลือเรื่องผู้ปลดปล่อยจึงกลายเ็ป็นตำนานว่าม้าตัวนี้ยืนรอคำสั่งจากนายตัวจริงของมัน ผู้ที่จะสามารถปลดปล่อยมันจากพันธนาการได้

ในยามสงครามเช่นนี้ ขุนศึกทุกคนต่างรู้ดีว่า การมีดาบและม้าที่ีดี จะช่วยได้มากยามต้องเผชิญหน้ากับกองทัพศัตรูเพียงลำพังในสมรภูมิ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังไม่มีใครสามารถทำให้มันขยับตัวได้เสียที

วันหนึ่งมีขบวนสินค้าของพ่อค้าผ้าผ่านทางมา ด้วยความไร้เดียงสาอย่างเด็กของลูกสาวพ่อค้าผ้า จึงเดินเข้ามาเล่นกับม้าตัวนี้ "ฮี้....แฮ่" มันร้องเสียงดัง ขาหน้าตะกุยอากาศ เห็นได้ชัดว่า สิ่งเดียวที่รั้งมันไว้ได้คือเชือกที่ล่ามอยู่ ไม่เพียงเด็กสาวจะตกใจร้องไห้ แต่นำความประหลาดใจมาสู่ชาวเมืองด้วย นานแล้วที่ม้าตัวนี้ไม่ตอบสนองกับใคร

เด็กสาวหมั่นแวะเวียนมาเล่นกับม้าตัวนี้ หาอาหารมาให้กินบ้าง มีคนเตือนเธอถึงสิ่งที่เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับความร้ายกาจของม้าตัวนี้ เธอเพียงขอบคุณเขา ยิ้มร่าอย่างมีความสุข และเดินไปเล่นกับม้าของเธอเหมือนเคย

ผู้เฒ่าคนเดิมบอกให้เธอเรียกชื่อของม้าตัวนี้ หากเธอรู้จักชื่อของมัน เธอจะนำจิตใจของมันกลับมาจากความมืดได้ มิเช่นนั้นมันจะกลายเป็นม้าของ the death ในที่สุด หากเธอเรียกชื่อของมันถูก แสงสว่างจะกลับสู่จิตใจของมัน มันจะได้รับกำลังและฤทธิ์เดชของมันกลับคืนมา

"แต่หนูไม่รู้จักชื่อของมันนี่คะ คุณตา" "ไม่มีใครรู้หรอกแม่หนู เธอต้องใช้จิตใจของเธอค้นหามันเอง..."
"ตาเฝ้าดูผู้คนมานาน เห็นมีแต่หนูนี่แหล่ะที่มีพลังของแสงในชีวิตมากพอจะช่วยมันได้" "หนูจำคำพยากรณ์เรื่องปีกแห่งม้าสีขาวได้ไหม" "จุดสิ้นสุดแห่งสงครามน่ะเหรอคะคุณตา หรือว่าคุณตา หมายถึง..."

ผู้เฒ่าได้แต่ยิ้มให้เด็กสาว แล้วหันไปมองม้าสีดำตัวนั้น...

คืนนี้ดวงจันทร์เต็มดวง เด็กสาวยืนอยู่ข้างๆม้าสีดำตัวนั้น ในมือของเธอถือเชือกสีทองที่ล่ามเท้ามันไว้อยู่ เธอนึกถึงคำของผู้เฒ่า
"หากตั้งใจจะหาชื่อของม้าตัวนี้ สิ่งแรกคือ ต้องแก้พันธนาการเสียก่อน แต่จงคิดให้ดี เพราะเชือกเส้นนี้ ราชาเป็นคนผูกไว้ หากแก้แล้วจะไม่สามารถมัดคืนได้อีก"

"ego eimi" เธอตัดสินใจแล้ว เงื่อนไขของการปลดปล่อย คือ การกล่าวถ้อยคำนี้ ในคืนจันทร์เต็มดวง แสงสีทองของเชือกเปล่งประกายเจิดจ้าคลุมร่างของม้าตัวนั้นเอาไว้ สายตาของเธอพร่าไปเพราะแสงนั้น เธอหลับตาลง

เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มีบางอย่างเกิดขึ้นกับมัน ที่หน้าผาก และขาของมันกลายเป็นสีขาว ที่สำคัญ ดูเหมือนเธอจะเห็นกองทหารที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนยืนล้อมอยู่
"กองทัพแห่งแดนผู้ตาย" เธอหันขวับไปหาเสียงนั้น ม้าตัวนั้นพูดกับเธอได้
"you are free, my dark Lord." "we waiting you for along time" เสียงดังอึกทึกมาจากกองทหารที่อยู่รอบๆตัวเธอ
เด็กสาวประหลาดใจและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นที่สุด มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน ในสิ่งที่เธอเคยได้ยินมา แต่ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรับรู้ด้วยประสบการณ์ของตัวเธอเอง

ม้าตัวนั้น ย่อตัวลงมาให้เธอ "ขึ้นมา หรือเธอจะตายเพราะพวกนี้อยู่ที่นี่" "ไม่ต้องห่วง ชั้นแค่จะพาเธอออกไปให้พ้นจากเจ้าพวกกระหายเลือดพวกนี้เท่านั้น"...

"หลีกไป" คำพูดสั้นๆ เรียบๆ แต่ทรงพลังนั้น ทำให้เหล่ากองทหารต้องเปิดทางหลบเป็นช่อง บางตัวพยายามจะเอามือเหนอะๆมาจับขาของเด็กสาว แต่ก็ต้องกระเด็นปลิวไปเพราะหางของม้าที่สะบัดมาไวกว่า

ระหว่างทาง ม้าตัวนั้น ได้ซักถามและเล่าเรื่องต่างๆให้เธอฟัง เธอพอจะจับใจความได้ว่า แท้ที่จริง ผู้เฒ่าคนนั้น ก็คือพระราชาที่กำหราบม้าป่าตัวนี้จนอยู่หมัด ม้าหนุ่มเล่าเรื่องต่างไปเรื่อยๆ มันคงไม่ได้สังเกตุเห็นว่าสีขนของตัวมันเองค่อยๆเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กสาวฟังจนเธอเคลิ้มเผลอหลับไปบนหลังของมัน
.
.
.
หากใครสักคน เข้าไปในฝันของสาวน้อยคนนี้ได้ คงได้เห็นภาพฝันตามคำพยากรณ์ เธอที่เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวกำลังขี่ม้าหนุ่มสีขาวบริสุทธิ์ที่มีปีกใหญ่ โบยบินอยู่เหนือนครที่บัดนี้เต็มไปด้วยความสงบสุขนิรันดร์

3 comments:

  1. ม้าป่า...
    ทำไมถึงร้องใส่เด็กคนนั้นล่ะ

    ReplyDelete
  2. ม้าป่ามันเห็นถึงจิตใจเด็กสาวคนนั้นที่ไม่เหมือนของคนอื่นๆ
    ทำให้มันนึกถึงพระราชา
    ทำให้มันทั้งรู้สึกอบอุ่น และกลัว...
    กลัวว่า วันหนึ่ง สิ่งที่มันเป็นจะทำร้ายเด็กสาวคนนั้นหรือเปล่า แม้มันตั้งใจจะไม่ให้เป็นเช่นนั้น

    ReplyDelete
  3. alternative Ending Version

    ม้าหนุ่มเล่าเรื่องต่างไปเรื่อยๆ มันคงไม่ได้สังเกตุเห็นว่าสีขนของตัวมันเองค่อยๆเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กสาวฟังจนเธอเคลิ้มเผลอหลับไปบนหลังของมัน
    .
    .
    .

    รุ่งเช้า เธอตื่นขึ้นมาและต้องประหลาดใจอีกครั้ง เธอเติบโตเป็นหญิงสาวในชั่วข้ามคืน และม้าของเธอกลายเป็นม้าสีขาวไปทั้งตัว

    เธอโอบกอดม้าป่าของเธอไว้...
    เหมือนเธอได้ยินเสียงกระซิบเบาๆจากหัวใจของมัน "เธอได้ยินใช่ไหม" "ฉันได้ยินไม่ชัดนะ" "เธอเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ยินเสียงจากจิตใจของชั้น ขึ้นมาสิ ไปกับชั้นนะ"

    แม้เธอจะโตเป็นหญิงสาวแล้ว ก็ยังแลดูตัวเล็กอยู่เมื่อเทียบกับม้าหนุ่ม คงขึ้นหลังมันไม่ง่าย หากมันไม่ย่อตัวลงมาให้เธอ "กลัวไหม" หญิงสาวส่ายหน้า "ไว้ใจชั้นนะ ชั้นจะเล่าเรื่องต่างๆให้เธอฟัง..." "ช่วยหาชื่อชั้นให้เจอ แล้วชั้นจะพาเธอบิน เราจะบินไปด้วยกัน"

    ตำนานและคำพยากรณ์เรื่องการสิ้นสุดของสงคราม โดยหญิงสาวผู้ขี่ม้าสีขาวมีปีกใหญ่ ยังคงรอคอยวันสำเร็จเป็นจริง ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะต้องเจออะไรอีกในวันข้างหน้า

    รู้เพียงว่า ณ วันนี้ การเดินทางของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

    ReplyDelete