May 29, 2008

ถ้ามีคนร่วมฝ่าฟันอยู่เคียงข้างกายกัน...

ตั้งแต่วันอาทิตย์ ทำกุญแจบ้านหล่นหาย... ที่ไหนก็ไม่รู้
วันจันทร์ วางแผนใช้เวลาทั้งสัปดาห์มาเสียเปล่า เพิ่งจะรู้ตัวว่าต้องไปออกร้าน ตั้งแต่วันอังคาร-เสาร์
โน้ตบุ้ค ที่ยืมพี่คนนึงมาใช้แล้วจอแตก เขาอยากให้เราซื้อต่อ... แต่เราคงจ่ายแค่ค่าซ่อมจอ (ซึ่งมันก็ครึ่งหนึ่งของการซื้อใหม่แล้ว)
อุปกรณ์กล้อง หากันไม่เจอชิ้นหนึ่ง แม้จะยังไม่สรุป แต่สุดท้ายก็คงต้องรับผิดชอบเอง
SD card อีกตัว คืนผิดตัวไปได้อย่างไรไม่รู้ แม้มันจะชัดเจนว่าเราไม่ได้ผิด แต่เราก็ไม่รอบคอบเอง ก็ตั้งใจว่าจะรับผิดชอบเอง น้องการตลาดเขาก็คงไม่รู้เรื่องเหมือนกันแหล่ะ

... อุตส่าห์ไปขอเงินเก็บจากพ่อมา ว่าจะเอามาซื้อโน้ตบุ้ค ยังไม่ทันได้ซื้อ เงินก็หมดซะแล้ว ไม่คุ้มกับการต้องโดนที่บ้านว่าเอาซะเลย

... วันนี้ บัตรเครดิตหายอีก...

งานก็ยังไม่คืบหน้าขึ้นเลย ทั้งเรื่องการจัดโปรแกรมทัวร์ ระบบในออฟฟิซ บลาบลาบลา...
นึกถึง กิจกรรมพิเศษ ในงานบริหารเขต ก็ยังดูรั่วๆ ไม่ลงตัว นี่มีงานเฟรนด์เดย์ ของสถน. ต้องรีบคิดให้เสร็จ เพื่อทำเรื่องเสนองบ
น้องๆที่ดูแลชีวิตของเขาอยู่ ชีวิตของเขาก็ฝากไว้กับเรา...

วันนี้นั่งอยู่ที่ร้าน มันก็เป็นคำถามกับตัวเอง ว่าเรามานั่งทำอะไรอยู่ที่นี่... เหมือนกับมันไม่ใช่ตัวเราเลย เหมือนกับ ทำอะไรไม่ได้เรื่อง ไม่สำเร็จซักอย่าง
บางที desktop management อาจจะเป็นงานที่เหมาะกับเราที่สุดแล้วมั้ง แต่อย่างไรเราก็เลือกที่จะรักงานที่เราทำได้นี่เนาะ

ยังมีอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่บ้าน พ่อแม่และค่ายา การสอบและการเรียน นู่นนี่นั่น จิปาถะ อาทิตย์นี้น้องคนหนึ่งที่เพิ่งจะมาเข้ากลุ่มต้องไปงานบวชเพื่อน คงไม่มา...

... ไม่รู้จะเรียกว่า มันเหนื่อย ดีหรือเปล่า มันบอกไม่ถูก ใจมันล้า...

เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่ปัจจุบัน คงสถานภาพหัวหน้างานด้วย เคยบอกว่า ผมจำเป็นต้องแต่งงาน เพื่อนิมิตจะได้สำเร็จ
2-3วันนี้ เขาก็เล่าถึงสภาพของเขาให้ฟัง ฟังๆแล้ว เขาก็เจอหนักกว่าผมมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่อดรู้สึกไม่ได้
เขาบอกว่า ผมเล่าให้ภรรยาของผมฟัง...

ดีที่สุดที่พอจะทำได้ วันนี้ก็เลยแอบหลบไปหลับ เพราะถึงไม่หลบไป ผมก็คงหลับอยู่ดี ร่างกายเหนื่อย มันคงไม่หนักหนาเท่าใจมันล้า
ตื่นมาก็กิน แล้วก็หลับ

...รู้สึกตัวนะ แต่มันไม่อยากตื่น แม้จะอยากฝืนตื่น
รู้สึกใจมีแรงขึ้นมาบ้าง น้องที่ออฟฟิซคนนึง โทรมาบอกว่า เพลงในอัลบั้ม ถูกเปิดในสถานีวิทยุด้วย ยังงงอยู่ว่า น้องเป็นใคร แต่ช่างเถอะ ประเด็นอยู่ที่ว่า น้ำเสียงและสำนวนการพูดของน้องคนนี้ ทำให้นึกถึงใครบางคน ใจมันก็ชื่นขึ้นมานิดนึง

เดินกลับมาที่ร้าน เอาเนื้อเพลงมานั่งอ่านอย่างจริงจัง "..ถ้ามีคนร่วมฝ่าฟันอยู่เคียงข้างกายกัน.." ถ้ามีคนนั้นจริงๆ เราจะแข็งแรงกว่านี้หรือเปล่านะ นิมิตจะมีโอกาสเสร็จได้มากขึ้นไหมนะ เราจะรับใช้พระเจ้าได้มากกว่านี้หรือเปล่านะ
ที่สำคัญ คำว่า แต่งงาน ยังดูเหมือนห่างไกลจากชีวิตเรามากนัก

อย่างไรก็ตาม ความจริง ก็คือ วันนี้ แม้จะไม่มีคนที่จะร่วมฝ่าฟันอยู่เคียงข้างกัน เราก็ต้องไปต่อไป อย่างไรก็ต้องไปต่อ อย่างไรก็ต้องเสร็จ อย่างไรก็ต้องทำให้ได้...

ขอพลังของพระองค์หนุนใจภายในผมต่อไปด้วยนะครับ

1 comment:

  1. เฮ้ย สู้ๆ
    ไม่มีอะไรเลวร้ายเกินไป

    ใจผ่าน สถานการณ์เปลี่ยนนะพี่

    ReplyDelete