Jan 6, 2009

we're here, we should dance

ช่วงนี้ ปีใหม่แท้ๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเป็นช่วงปีใหม่หรือเปล่า ถึงมีอาการนี้
หรือว่าจะเป็นเพราะสังวรว่า ปีนี้จะอายุเลยสามสิบแล้ว ยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียที ไม่รู้คนอื่นเขาเป็นกันหรือเปล่า

มันเลยยิ่งทำให้อยากทำเฉพาะสิ่งที่ต้องทำ หรือทำได้ดี อะไรที่ไม่จำเป็น ไม่ใช่ตัวเราก็ไม่อยากเสียเวลาทำ

เห็นคนที่วันๆเอาแต่นอน ก็หงุดหงิด ลัลล้าทำตัวว่าชีวิตข้านี่มีความสุขเสียเต็มประดา ก็หงุดหงิด เห็นคนที่จะทำมันไปซะทุกอย่างเพราะกลัวนู่นนี่นั่นโน่น ก็หงุดหงิด มองตัวเอง ชีวิตไม่โต ไม่มีคนดูแลก็หงุดหงิด เห็นคนไทยไร้วินัย นิสัยเสีย มารยาททราม ก็หงุดหงิด เออ... หาเรื่องหงุดหงิดไปได้ซะทุกเรื่อง หงุดหงิดด้วยใจขอบพระคุณพระเจ้านะ (นี่ยังไม่รวมเรื่องที่อดไปเชียงใหม่ หรือพ่อเข้าโรงพยาบาลผ่าตัด แล้วที่บ้านช่วยกันปิดผม อย่างเซ็งอ่ะ)

บางทีมันก็อดคิด อดรู้สึกไม่ได้ว่า เป็นเพราะเราอยู่แวดล้อมแต่ด้วยคนพันธุ์บอนไซหรือเปล่า เราก็เลยเติบโตแทงทะลุขึ้นมาไม่ได้ หลายทีก็นึกไปถึงสมัยก่อนที่เสียงพระเจ้ามาถึงชีวิต เป็นคนละทิศกับทางที่ผู้นำพาเดินไป และสุดท้าย เวลาก็พิสูจน์ว่าเราได้ยินเสียงพระเจ้าไม่ผิด แต่คำถาม คือ พระเจ้าจะบอกเราเพื่ออะไร

หลายปีผ่านไป วันนี้ผมเรียนรู้และไปถึงจุดสำนึกอย่างแท้จริงว่า ทั้งหมดทั้งสิ้น คือตัวเราเองกับพระเจ้า เท่านั้น

ขิง บอกว่า ถูกเตรียมชีวิตมาขนาดนี้ ยังจะมาคาดหวังให้มนุษย์เลี้ยงดูอีกหรือ ก็จริงอยู่ แต่แค่นี้ ก็คุยกับคนอื่นไม่ค่อยจะเข้าใจกันอยู่แล้ว และผมก็ยังเชื่ออยู่ว่า ต้องมีใครสักคนหนึ่งที่เขาจะเข้าใจและเป็นเหล็กมาลับผมให้คมขึ้นได้

คิดไปคิดมา วันนี้เรามีอะไรบ้าง ถึงเข้าใจ วันนี้จะลองเป็นพี่เลี้ยงตัวเองดูซักหน่อย คงสนุกพิลึกดีไม่แพ้ตอนนั่งเล่นหมากฮอสคนเดียว

วันนี้ นั่งชำระจม. ใน In box เปิดไปเจอฉบับหนึ่ง ชอบจริงๆ ขออนุญาตนำมาเผยแผ่เป็น “สารกระตุ้น” ต่อมของท่านผู้อ่าน

ชีวิตนั้นสั้น จงแหกกฎ ขอโทษให้ไว จูบอย่างช้าๆ รักจริงจัง หัวเราะให้หลุดโลก และไม่ต้องนึกเสียใจกับสิ่งที่ทำให้คุณ ยิ้ม ได้


ชีวิตอาจจะไม่ใช่งานปาร์ตี้ที่เราฝันไว้ แต่ในขณะที่เราอยู่ที่นี่ จงดิ้นซะ... เอาให้สุดแรงเกิด เอาให้มันส์ ก่อนที่งานปาร์ตี้จะจบลง ถึงตอนนั้นหากยังมีแรงไหวอยู่ อยากเต้นรำแค่ไหน ก็คงไม่มีที่ให้ ดิ้น อีกแล้ว

No comments:

Post a Comment