Jun 17, 2009

นักปรัชญา#3: ตอนที่3 เรือบรรทุกสารพันธุกรรมของดาร์วิน

ทั้ง มาร์กซ ดาร์วิน และฟรอยด์
ล้วนเป็นผู้ที่อยู่และมีอิทธิพลในช่วงกระแสธรรมชาติวิทยานับตั้งแต่ศตวรรษที่19 จนถึงปัจจุบัน
ลักษณะสำคัญของกลุ่มนี้ คือ การรับรู้ความเป็นจริงเฉพาะที่อยู่ในธรรมชาติและโลกของประสาทสัมผัสเท่านั้น
ไม่ใช้วิธีตั้งสมมติฐานแบบนักเหตุผลนิยม หรือ การเปิดเผยสำแดงของพระเจ้า

ดาร์วิน เชื่อว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นผลของวิวัฒนาการทางชีววิทยาที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ
หลักฐานที่เขาใช้สนับสนุนทฤษฎีนี้ ส่วนใหญ่ได้จากการหมู่เกาะกัลป์ปากอส ในการเดินทางสำรวจโลก 5 ปี กับเรือบีเกิล
ครั้งนั้นเขานำหนังสือ หลักธรณีวิทยา ของชาร์ลส ลีเอล ติดไปด้วย
หลักใหญ่ใจความของหนังสือนี้ คือ
การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ก็อาจก่อให้เกิดความผันผวนทางธรณีวิทยาขนาดใหญ่ได้
หากเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากพอ

ต่อมา ดาร์วิน คำนวณอายุโลกได้ประมาณ 300 ล้านปี
ทั้งที่คนในยุคนั้นเชื่อว่าโลกมีอายุราวหกพันปี
อาจเป็นเพราะทฤษฎีค่อยเป็นค่อยไปของลีเอล และทฤษฎีวิวัฒนาการของเขา
จะไม่มีทางสมเหตุสมผลได้เลย หากไม่มีเวลานานขนาดนั้น

เขาอธิบายข้อเสนอเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางชีววิทยา
ด้วยเรื่องการทับถมของฟอสซิลเป็นชั้นๆในชั้นหินระดับต่างๆ และการกระจายตัวของสิ่งมีชีวิตตามสภาพภูมิศาสตร์
เขาพบความแตกต่างเล็กๆน้อยๆของสิ่งมีชีวิตบนเกาะ
เช่น จงอยของปากนกจาบแต่ละชนิดมีความเหมาะสมกับประเภทอาหารของมันอย่างสมบูรณ์แบบ
คำถามคือ นกเหล่านี้มีบรรพบุรุษเดียวกันหรือเปล่า
ด้วยเวลาที่นานพอ มันจึงค่อยๆปรับตัวให้เข้ากับแหล่งอาหาร จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา

เขาสนับสนุนความคิดนี้ ด้วยทฤษฎีเรื่อง การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ว่าผู้ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีที่สุด จะมีชีวิตรอดและมีลูกหลานสืบต่อไป
ซึ่งการคัดเลือกอย่างต่อเนื่องนี้ จะนำไปสู่การปรับตัวให้เข้ากับสภาพทางภูมิศาสตร์แบบหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจงในที่สุด
เขาได้อธิบายเพิ่มเติมว่าที่มนุษย์ยังคงมีเพียงประเภทเดียว
เพราะมนุษย์มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ต่างกันได้ดีเป็นพิเศษ

ข้อเสนอของดาร์วิน ส่งผลให้โลกวิทยาศาสตร์ในขณะนั้นแตกออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน
และสร้างความขุ่นเคืองใจต่อศาสนจักรเป็นอย่างมาก
ทฤษฏีของดาร์วิน ไม่เพียงส่งผลให้คนยุคสมัยนั้น
ต้องกลับมาทบทวนหนังสือปฐมกาลของพระคริสต์ธรรมคัมภีร์อีกครั้งด้วยความสงสัยในการสร้างโลกของพระเจ้า
ความเชื่อของเขายังได้ชักจูงให้คนเห็นว่า
มนุษย์ไม่ใช่อะไรเลย นอกจากความแตกต่างของสสาร ที่ บังเอิญ ผ่าเหล่าออกมาอย่างชนิด ไม่มีใครกะเกณฑ์อะไรได้
เป็นเพียงการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น

มนุษย์...จึงไม่จำเป็นต้องแสวงหาความหมายของชีวิตหรือสิ่งใด
เพราะมนุษย์เป็นเพียงผลผลิตของสิ่งที่ไร้ความรู้สึกเท่านั้น... ในสายตาของ ดาร์วิน

No comments:

Post a Comment