Dec 5, 2007

looKING ( part 4,ending )

หมายเหตุ เพื่ออรรถรสในการอ่าน กรุณาอ่านตามลำดับตั้งแต่ตอนที่ 1

วันอาทิตย์...

ขณะกำลังกลับใจที่ไปร่วมนมัสการที่โบสถ์ช้าด้วยอาการงกๆเงิ่นๆอยู่ที่บ้านตอนเที่ยงกว่าๆ พระเจ้าสัมผัสใจให้รีบไปโบสถ์ มีเรื่องจะบอก ก็รีบกระวีกระวาดไป เข้าไปในห้องประชุมไม่ทันหายหอบ คำเผยพระวจนะก็มาถึงอย่างแรง "ให้เรากลับใจรับการชำระ แล้วพระองค์จะทรงยกชูชีวิตของเราขึ้น" รู้เลยว่าเรื่องอะไร (มารู้จริงๆมากขึ้น ก็เย็นวันจันทร์)

ยอมรับว่าสู้มานาน สู้แล้วล้ม สู้แล้วล้ม นานเสียจนแทบจะไม่หวังว่าจะผ่านแล้ว ยืดหยุ่นจนเลยเส้นเป็นประนีประนอม มองไม่เห็นชัยชนะแม้จะรู้ความจริงว่าเราชนะได้ก็ตาม ถึงกระนั้น ลึกๆในใจก็ยังคงหวังว่าจะมีสักวัน สักวันที่จะแข็งแรงพอ... ก็กลับใจกันไป

แล้วก็มีภาพยนตร์เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง looKING ตอนต้นเรื่องขึ้นว่า มนุษย์เรารู้สึกในสิ่งที่เราเห็น...
...ในหลวงชอบถ่ายรูป ไม่ใช่เพราะพระองค์เห็นชาวบ้านตัวดำๆ แต่เพราะทรงเห็นความรักที่ชาวบ้านเขามีให้พระองค์...
ตอนท้ายเรื่องจบว่า มนุษย์เรามองเห็นในสิ่งที่เรารู้สึก

จริงอยู่ว่าเราอาจเกิดความรู้สึกตามที่สายตาเรามองเห็น แต่สิ่งสำคัญหลายอย่างมองไม่เห็นได้ด้วยตา สิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตา มักไม่ยั่งยืน หลายๆเรื่องต้องใช้ตาใจมองถึงจะมองเห็น ถ้าใจของเรามองเห็นแล้ว ดวงตาย่อมมองเห็นได้ไม่ยาก

ครั้งหนึ่ง อ.สอนถ่ายรูปเคยบอกว่า ก่อนกดชัตเตอร์ ให้เห็นความสวยงามในรูปนั้นเสียก่อน หลังจากเราเรียนจบถึงเข้าใจว่า ทุกอย่างในโลกนี้ถูกสร้างมาให้มีความงามซ่อนอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่า ใคร จะมองเห็น และจะเปิดเผยออกมาให้คนในโลกนี้ได้ชื่นชมร่วมกัน

ทำไมคนบางคนถึงมองไม่เห็นสิ่งดีในชีวิตของคนๆหนึ่งเลย ทำไมคนบางคนถึงไม่สามารถเชื่อใจใครอีกคนได้ ก็เพราะเขาเห็นตามที่เขารู้สึกใช่หรือเปล่า
... ผมคิดว่า ความรู้สึก เป็นกลางมีทั้งคุณและโทษ ถ้าชีวิตเราควบคุมความรู้สึกของเราไม่อยู่ หรือ เลือกที่จะให้ความสำคัญกับความรู้สึกดีมากจนเกินไป ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร

คนบางคนฉลาด รู้เท่าทันความรู้สึกของคนอื่น เขาอาจจะมองคนอื่นเป็นเพียงของเล่น หรือเหมือนหมาแมวแถวบ้านตัวหนึ่งก็เป็นได้ล่ะมั้ง

ผมเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า ทำไม ใครบางคนถึงมองไม่เห็นผมเสียแล้ว... ก็เพราะว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมอีกแล้ว..
ตรงกันข้าม ที่ผมยังคงเห็นใครคนนั้นอยู่เรื่อยๆ เพราะผม..ยังคงรู้สึกอะไรกับเขาอยู่ แม้จะรู้ว่าความจริงเป็นเช่นไรก็ตามที
และเรื่องจริงที่ผมเพิ่งสังเกตตัวเองก็คือ ช่วงปีที่ผ่านมา ผมมองไม่ค่อยเห็นใคร ในขณะที่ช่วง 1-2 เดือนมานี้ ผมเริ่มเห็นใครคนหนึ่งเป็นประจำเลย

ป.ล. เย็นวันจันทร์ ไปคอนเสิร์ตของ Bob Fitt มา พระเจ้าแตะใจรับการปลดปล่อยเรื่องความกลัว กล้าที่จะทิ้งความรู้สึกเก่าๆ ก้าวข้ามความรู้สึกยึดติดในความสัมพันธ์เก่าๆที่ไม่จริง ไม่ต้องกลัวการสูญเสีย เป็นไทในพระเจ้า ทำตามความจริง ดำเนินชีวิตมีเสรีภาพในพระองค์ แล้วพระเจ้าจะทรงเพิ่มเติมให้

คืนนั้น ผมกลับบ้านด้วยความรู้สึกใหม่ ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ผมมีมุมมองใหม่ในการมองเห็นเรื่องเดิมๆ

... เมื่อความจริงเปลี่ยนความรู้สึกของเราให้เที่ยงตรงมากขึ้น เราก็เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น

มนุษย์เรา มองเห็นในสิ่งที่เรารู้สึก...จริงๆ

3 comments:

  1. ชีวิตเลือกได้---การที่คุณเลือกที่จะต้องตัดสินใจสู่การล่อลวงซ้ำๆนั้นคือคุณเลือกของคุณเอง---

    ช่วงนี้พระเจ้าแตะใจมากๆถึงการมีชีวิตที่บริสุทธิ์และการมอบถวายอย่างหมดใจให้พระเจ้าทุกวัน

    อ่านบทความพี่แล้วได้ข้อคิดดีนะคะ

    Fighting!!!!

    ReplyDelete
  2. Yo! You're cool! God's cool! May love redeem your heart!

    ReplyDelete
  3. อยากจะบอกว่า บางทีเราก็ไม่ได้เห็นในสิ่งที่เรารู้สึกหรอก เราทำได้ดีกว่านั้นเสียอีก...

    ลองหลับตาดูนะ แล้วนึกถึงความรู้สึกดีๆ..คุณเห็นใครล่ะ เราสามารถเห็นจากความรู้สึกของเราได้เลยทีเดียว

    ReplyDelete