Dec 15, 2008

เรื่องราวรัก ตอนที่2 วัยรุ่น

ผมมักเล่าให้ใครต่อใครฟังว่าแม้ผมจะเปิดใจต่อเรื่องราวของพระเจ้า ด้วยเหตุว่าพระเจ้าพูดคุยกับเราได้ แต่เหตุผลที่ดึงให้ผมมาโบสถ์ ณ เวลานั้น คือ ผมคิดว่า ที่โบสถ์น่าจะมีผู้หญิงน่ารักมาก (ผมนึกภาพของพวกเด็กเซนต์โย เด็กมาแตร์) พระเจ้าช่วย มาแล้วไม่เป็นดั่งคาด แต่ก็ยังเจอผู้หญิงคนหนึ่ง โดนใจอยู่พอสมควร พูดได้อย่างไม่อายว่าแรกๆมาโบสถ์ มาแคร์ ด้วยหวังว่าจะได้รู้จักกันมากขึ้น ในระหว่างนั้น พระเจ้าก็ให้ผมมีประสบการณ์ต่างๆ มีความเข้าใจ และมีความเชื่อมากขึ้น จนวันหนึ่งที่ผมตัดสินใจเดินติดตามพระเยซูตลอดชีวิต เธอคนนี้ ก็ไม่มาโบสถ์อีกเลย (ล่าสุด เมื่อ 2 ปีก่อน ได้ทราบข่าวว่า เธอแต่งงานแล้วกับคนไม่เชื่อพระเจ้า และกำลังจะมีลูกคนที่สอง)

ช่วงที่เรียนปีหนึ่งที่ธรรมศาสตร์ รังสิต ผมรู้จักคนร่วมหลายร้อยคน เนื่องจากการเป็นผู้ประสานงานจัดกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ และอีกหลายกิจกรรม ซึ่งอยู่ในภาวะที่ต่างคนต่างยังไม่รู้จัก ไม่สนิทกัน อีกทั้งตอนนั้นไฟแรงในการประกาศ (เราต่างจากมอร์มอนตรงที่ เราเดิน ไม่ว่าดึก ไม่ว่าไกลแค่ไหน เราก็เดิน) คงไม่ปฏิเสธว่าคริสเตียนนิสัยดี หน้าตาก็ดี(ในแบบของผม)

ผมเพิ่งรู้ว่าการที่ผู้หญิงให้ท่าผู้ชาย เป็นอย่างไร มีครั้งหนึ่ง เข้าค่ายอบรมผู้นำ ดาวคณะเดินมาเคาะห้องตอนเกือบเที่ยงคืน “ขอนอนด้วยคน เรากลัวผี” หน้าตา เสียง เสื้อผ้า...(โอว โน!!!) แน่นอน ผมเป็นคนใจดี ก็เลยให้เธอมานอนด้วย เตียงผมนั่นแหล่ะครับ แล้วผมก็ลงไปนอนที่พื้น จริงๆมีรายละเอียดอีกเยอะ สรุปว่าสุดท้ายผมนั่งฟุบคางเกยเตียง โดยมีเธอหลับอยู่บนเตียงนั้น โดยไม่มีการทำผิดบาปเกิดขึ้น (ได้ยินข่าวลือภายหลังเหตุการณ์นี้ว่า ผมเป็นเกย์) อีกครั้งหนึ่ง กับดาวคณะอีกคน คนนี้ประกาศไว้นาน จนวันหนึ่ง เธอมาถามว่า คริสเตียนเนี่ยเขาไม่แต่งงานกับคนนอกความเชื่อใช่ไหม เปิดประเด็นแบบนี้มา ไอ้เราก็พูดลำบากละ (ก็ตอนนั้น ก็แอบรู้สึกดีกับเธออยู่นิดๆ) แต่ก็ตอบตามพระคัมภีร์นะ จริงตามคาด วันรุ่งขึ้น ทุกคนในคณะรู้กันว่า เธอตกลงคบกับเด็กวิศวะเป็นแฟนแล้ว

คณะผมมีดาวอยู่ 5 คน อีกสามคนที่เหลือ คนหนึ่งเป็นน้องสาวของพี่เลี้ยงผม (ไอ้นี่เข้าทางพี่ชายนี่หว่า...) อีกคนเป็นบัดดี้กับผม (ในคณะเราจะเล่นบัดดี้กัน แต่เธอรวยมาก ลูกสาวอธิบดี คงเป็นปมมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยไม่กล้าคิดมาก แต่ก็เทคแคร์ดีเว่อร์ จนมีคนสงสัยว่าผมกะเด็ดดอกฟ้า) ส่วนคนสุดท้าย เป็นคนที่รูปร่างยั่วยวนใจที่สุด คนนี้มีแฟนอยู่เมืองนอก ด้วยความว่าอยู่กลุ่มเดียวกัน สนิทกัน เธอก็เลยขอยืมผมเป็นเป็นตัวแสดงแทนเวลาจะมีคนมาจีบเธอ เป็นไม้กันหมา... ซะงั้น

มีสาวๆอีกหลายคนในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ที่พบเจอกันและปริ่มๆจะไปเกินเลยไกลกว่าคำว่าเพื่อน เด็กศิลปะศาสตร์น่ารัก สดใส ร่าเริง (ผมยังจำได้ you are my love, security, bright, laugh and warmth เธอเขียนให้ผม) เด็กบัญชีห้าวเท่ห์ เด็กรัฐศาสตร์เสน่ห์แรง เด็กวิทยา สังวิด สังเคราะห์ วารสาร เกือบครบทุกคณะเลยนะเนี่ย แน่นอนว่าคนเหล่านี้ล้วนเกิดจากการถูกประกาศของพี่น้องคริสเตียน และแวะเวียนมาเจอกันในห้องเรียนบ้าง โรงอาหารบ้าง ห้องสมุดบ้าง จะมีบ้างที่เกิดจากกลับบ้านทางเดียวกัน แต่จากความคิดที่ว่า ผมจะไม่คบใครเป็นแฟนถ้าไม่คิดจะแต่งงานด้วย กับการที่เขาต้องเชื่อพระเจ้า รักพระเจ้าเหมือนเรา เพราะเราคงไม่เลิกคบ ไม่เลิกรักพระเจ้าแน่ จึงยังเป็นกรอบความคิดที่ป้องปรามไม่ให้ความสัมพันธ์เกินเลย จนกระทั่ง ผม ได้รู้จักกับเด็กวารสารคนหนึ่ง...

พูดถึงเด็กวารสาร ก่อนจบปี4 มีเด็กวารสารคนหนึ่ง มาสารภาพกับผมว่า เขาแอบชอบผมมานานตั้งแต่ปีหนึ่ง เขาอยากจะแต่งงาน มีครอบครัว มีลูกกับผม... อึ้งไปเหมือนกัน จำที่เหลือไม่ได้แล้ว (หูอื้อ ตาลาย... น่ารักขนาดนี้ ทำไมเราไม่รู้ว่าเขาแอบชอบเรา โอว โน) รู้แต่ว่า หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เป็นแฟนกับ เพื่อนในคณะผมนั่นแหล่ะ

ในช่วงนั้น ที่โบสถ์ ผมย้ายมาช่วยดูแลน้องๆมัธยม ทุกอย่างก็ปกติดี จนวันหนึ่งที่บางอย่างเริ่มเกิดขึ้น ระหว่างผมกับน้องคนหนึ่ง ต้องบอกไว้ก่อนว่าแรกๆก็ยังไม่มีอะไรมาก แค่รู้สึกแปลกๆ จนกระทั่ง ถูกพระเจ้าจัดการเรื่องของเด็กวารสาร

เด็กวารสารคนนี้ อีกเช่นกันผมชอบเธอในความอ่อนโยน และเด็ดเดี่ยวของเธอ ร่าเริงและฉลาด เรื่องเริ่มจากที่ผมได้รู้จักกับเด็กวารสารคนหนึ่งที่เรากลับบ้านทางเดียวกัน เธอเริ่มคุย เริ่มชวนกินข้าว เริ่มชวนไปเที่ยว และเริ่มชวนผมเข้ากลุ่มของเธอ และทำให้ผมได้รู้จักกับเด็กวารสารคนนี้ ผมชวนเธอคุย ชวนไปกินข้าว ชวนไปเที่ยว ชวนไปโบสถ์ ผมถึงรู้ว่า เธอเชื่อพระเจ้าอยู่แล้ว (เชื่อในแบบของเธออ่ะนะ) ยิ่งผมสนิทกับเธอ ผมยิ่งรู้สึกห่างไกลจากพระเจ้า จำได้ว่า เคยแอบไปเที่ยวด้วยกัน แล้วผมก็ลื่นล้มหน้าเวิร์ดเทรด อายมาก และวันนั้น ผมมารู้ทีหลังว่า คือ วันที่แฟนเก่าเธอมาขอคืนดีด้วย หลังจากที่เธอไปเที่ยวกับผม

ช่วงนั้น ผมรู้สึกตัวว่าเกิดการต่อสู้ในจิตใจและในความคิดมาก จนได้คุยกัน ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะคุยเรื่องการคบเป็นแฟนกัน แต่เธอกลับปรึกษาผมเรื่องที่แฟนเก่าเธอมาขอคืนดีซะนี่ “เราเลือกที่จะเสียใจ เพราะเราเลือกผิด ดีกว่า เสียใจที่เราไม่เลือกกลับไปคืนดีกับเขา” ฟังดูก็รู้แล้วว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา

วันนั้น กลับบ้าน จำได้ว่าสิ่งแรกที่ทำคือ อธิษฐานกับพระเจ้า ขอโทษในความเหลวไหลของเรา และขอบคุณในการตีสอนของพระองค์

นับจากวันนั้นมา ผมไม่เคยคิดเรื่องการเป็นเป็นแฟน หรือการแต่งงานกับคนต่างความเชื่ออีกเลย

No comments:

Post a Comment