Dec 24, 2008

คริสต์มาส เทศกาลแห่งความสุข

พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า เพราะว่าการให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ (กจ.20:35)
ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมพระเจ้าถึงน่าจะเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้ เพราะพระองค์มิเคยหวงสิ่งดีใดไว้เลย แม้แต่ชีวิตของพระองค์เอง พระองค์ก็ทรงประทานให้ได้

ผมเคยเป็นคนที่ รับ ไม่เป็น ขณะเดียวกัน ก็เรียกร้องอยากจะได้อยู่ตลอด ชีวิตไม่เคยพอ ฟังดูตลกไหม
วันหนึ่ง ผมก็ได้รับสิ่งที่ผมไม่เคยคิดอยากจะได้ ด้วยวิธีการ ที่ประหลาดนักหนา แต่คงจะเหมาะกับผมดี

ของขวัญถูกวางไว้ให้ แล้วบอกว่า นี่ของผมนะ แล้วท่านก็เดินจากไป...

นาน...กว่าผมจะยอมเดินเข้าไปเอาของขวัญชิ้นนั้นมาเป็นของผมเอง อีกนาน กว่าผมจะเข้าใจว่าของขวัญจริงๆนั้น ถูกห่อไว้ข้างใน ผมเป็นคนเดียวในโลกนี้ ที่จะแกะออกดูได้

ผมชอบไปดูกล่องของขวัญของคนอื่น ชอบอยากได้อย่างนั้นบ้าง อย่างนี้บ้าง แต่กล่องของตัวเองกลับไม่เคยดูให้ดี นั่นคือเมื่อก่อน

ผมค่อยๆเรียนรู้ว่า สิ่งที่เราทำไม่ได้บอกว่าเราเป็นใคร แต่สิ่งสำคัญคือเราเป็นใคร นั่นจะทำให้เรา ทำ ในสิ่งที่เหมาะที่ใช่ เราไม่สามารถ ฝืน ทำในสิ่งที่เราไม่ได้เป็นได้ตลอดไป หากวิถีชีวิตของเราไม่เสียไปก่อน เราก็จะกลายเป็นคนที่หลอกใครก็ได้ เพราะแม้แต่ตัวเองเรายังไม่ซื่อสัตย์เลย

หลังจากนั้น ผมก็เข้าใจในอีกบทเรียนสำคัญเรื่องหนึ่งว่า เราไม่สามารถอยากเป็นในสิ่งที่เราเป็นอยู่แล้วได้ และเราไม่สามารถอยากมีในสิ่งที่เรามีอยู่แล้วได้เช่นกัน

ช่องว่างทางความรู้สึกที่ถูกหลอกทั้งสองขั้ว จึงถูกถมให้เต็มด้วยความเข้าใจในความจริงของพระเจ้า

นับแต่นั้น
ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมขาดสิ่งดีใดๆอีกเลย ไม่เคยรู้สึกว่าเราขาดหรือทำอะไรไม่ได้ และไม่ใช่แค่ความรู้สึกนะ แต่ผมเห็นในฝ่ายกายภาพด้วย ผมเห็นพระเจ้าอวยพรเสมอ ผมรู้ว่า พระเจ้าสัญญาไว้กับผมแล้ว ผมมั่นใจอย่างนั้น (ล่าสุด พี่กอล์ฟ บอกว่า ผมหางานเก่ง ผมตอบพี่เขาว่า พระเจ้าอวยพรครับ)

ลองคิดดูนะ กับคนที่เรียนไม่จบปริญญาตรี แต่ได้มีโอกาสทำงานกระทบไหล่คนระดับ อธิบดี CFOบริษัทหลัก50ล้าน คนเก่งๆแบบนี้ที่ผมได้รับโอกาสทำงานด้วยมาตลอด ในภาวะที่ใครๆก็กลัวตกงาน จริงๆนะ ผมไม่เคยกลัวอดตายเลย ผมเชื่อจริงๆว่าพระเจ้าไม่เพียงดูแลลูกของพระองค์ แต่เพราะเราขยัน พระเจ้าจะอวยพรเราแน่

จากคนที่อยากได้แต่ไม่กล้าขอ จากคนที่เมื่อเขาให้ก็ไม่กล้ารับ วันนี้ ผมเรียนรู้ว่า เมื่ออยากได้สิ่งใด จงขอ, จงขอแล้วจะได้ และจงรับเมื่อเขาให้ เพราะเราไม่ได้รับในสิ่งที่มองเห็นได้ แต่เรารับในไมตรีจิตที่อีกฝ่ายนั้นให้แก่เรา สิ่งของกายภาพไม่กี่ปีก็จะเสื่อมสลายไป แต่ หัวใจ จะคงอยู่ไปตลอดจนกว่าเราจะไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว

ขอบคุณพระเจ้านะครับ ที่ไม่เพียงสอนให้ผมรู้จัก คำว่า "ให้" ผ่านการสอนให้ผมรู้จัก "รับ" ให้เป็น แต่พระเจ้าเปลี่ยนผมให้เป็นคนที่ให้คนอื่นเหมือนพระองค์ ขอบคุณมากครับ วันนี้ผมมีความสุขมากเลยครับ พระองค์

merry christmas ครับ

No comments:

Post a Comment