Dec 7, 2008

พุงย้อย

เช้านี้ เจอคนอ้วนๆ... จะเรียกว่าอ้วนว่าดีไหม เพราะทุกสัดส่วนของเขาก็ถือว่าพอๆกับผม ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่ก้อนหยุ่นๆที่อยู่ตรงหน้าท้องนี่น่ะสิ น่าเกลี้ยดน่าเกลียด

เห็นแล้วก็นึกถึงตัวเอง ถ้ายังไม่ยอมปรับเปลี่ยนรูปแบบลักษณะการดำเนินชีวิตของตัวเองเสียใหม่ ไม่แคล้วคงได้เห็นก้อนหยุ่นๆนั้นที่พุงตัวเองทุกเช้าเวลาส่องกระจกอย่างมิต้องสงสัย

พ่อเคยถามว่า ที่เรียนๆมาตั้งแต่ประถม จำเอามาใช้บ้างหรือเปล่า กินอาหารให้ครบ5หมู่ในแต่ละวัน ออกกำลังกายเป็นประจำทุกสัปดาห์ พักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก อาบน้ำวันละ2ครั้ง แปรงฟันหลังกินอาหาร ไม่กินจุบจิบ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งล้วนเป็นเรื่องสุขอนามัยพื้นฐานทั้งนั้น

บางคนบอกว่างานที่ต้องทำมีเยอะ ผมไม่เชื่อเรื่องการทำงานมากแล้วพระเจ้าจะพอพระทัยเรามาก พระเจ้าทรงโปรดปรานผู้ที่กระทำตามพระทัยของพระองค์มิใช่หรือ และแน่นอนว่าน้ำพระทัยพระเจ้าในชีวิตเราส่วนตัวแต่ละคนมีความเฉพาะเจาะจงแตกต่างกัน ที่ผ่านมา ชีวิตเราอาจถูกเรียกร้อง ถูกบิดเบือนด้วยคำว่า ตั้งใจดี มีภาระใจ(กรูอยากทำ) มานาน นานพอที่จะทำให้เราหลงหรือลืมเรื่องสำคัญของชีวิตไป

บางคนบอกว่าก็ไม่รู้นี่ว่าพระเจ้าต้องการให้ทำอะไร ผมยอมรับว่า การลองทำสิ่งต่างๆหลากหลายเพื่อให้เรารู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ใช่ นั่นก็เป็นแนวคิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะเหมาะสมกับคนที่อายุยังน้อย ยังไม่รู้จักตัวเอง และยังมีเวลาให้เรียนรู้อีกมาก
แต่คนที่รู้จักตัวเองแล้วระดับหนึ่ง คนที่คิดว่าตัวเองเหลือเวลาบนโลกนี้ไม่มากนัก การใช้ความคิดเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อพระเจ้าเป็นเรื่องที่สมควรกระทำ พระเจ้าทรงสร้างเรามาอย่างดี และพระองค์เตรียมเราไว้เพื่อกระทำพระราชกิจของพระองค์ให้สำเร็จ ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พื้นเพครอบครัว ความชอบ ความสนใจ ความถนัด ... เรื่องสำคัญ คือ เราใช้ทั้งหมดที่เรามีอยู่เพื่อใคร

ถึงเวลาหรือยังที่เราควรจะต้องกลับมาถามพระเจ้า ถามตัวเอง อย่างจริงจังว่า "อะไร" คือ สิ่งสำคัญจำเป็นที่เราต้องทำในชีวิตนี้และในเวลานี้ อย่าให้ถึงเวลาที่เมื่อเราเล่าให้พระเจ้าฟังว่า ตอนที่เราอยู่ในโลก เราทำนู่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด แต่พระเจ้าถามเรากลับมาว่า แล้วที่ให้ทำน่ะ ทำหรือเปล่า...

ถึงวันนั้น เราคงตกใจไม่น้อย ความรู้สึกอาจไม่ต่างกับคนที่วันหนึ่งตื่นขึ้นมาส่องกระจก แล้วก็พบกับความจริงที่ว่าตัวเอง "พุงย้อย"

ปล. หลายคนที่พบว่าตัวเอง พุงย้อย เรียบร้อยแล้ว แทนที่จะลุกขึ้นมารีดไขมันออก กลับนิ่งเฉยดูดาย ผมหวังว่า สภาวะ "ยอมรับสภาพ" เช่นนี้ คงไม่เกิดขึ้นกับคนที่เพิ่งจะพบว่าตัวเองใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง หรือ(บ้าคลั่ง)รับใช้พระเจ้า(?)อย่างไม่สมดุลย์มานาน คนเราทุกคนเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้
Yes, we've changed

No comments:

Post a Comment