Dec 28, 2008

101

ปีหน้า ผมจะได้เริ่มทำงานจริงจังกับบริษัท ชื่อ one Hundred one ในภาวะเศรษฐกิจขาลง คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กโข่งเรียนไม่ยอมจบอย่างผมจะได้งานทำ

หลังจากที่ออกจาก Gsus7 เร็วกว่าที่คิดไว้หนึ่งเดือน ก็เคว้งๆอยู่พักหนึ่ง ตอนนั้นมีทางเดินมากมายจริงๆ ที่บ้านก็กดดันทั้งเรื่องการเรียน และงานราชการ ตอนนั้นขอพระเจ้าให้ช่วยหาทางออกให้ด้วย ก็เชื่อว่าพระเจ้าจะตอบในเวลาของพระองค์
ช่วงนั้น นุโทรมาคุยบ่อยมาก เหมือนรู้ว่าผมต้องการการหนุนใจ เขาหนุนใจทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียน ชีวิตส่วนตัว และการมีครอบครัว “เมื่อไหร่จะมีแฟนซะที” เอ่อ... จะตอบยังงัยล่ะ ของอย่างนี้ มันพูดเอง เออเองได้ซะทีไหน แต่สิ่งหนึ่งที่นุพูดมา ก็คือ ไม่ต้องห่วง งานจะมาตามสายสัมพันธ์ในโบสถ์

อีกไม่นาน เมื่อตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตในกรุงเทพ ด้วยเงินเพียงหยิบมือ และความเชื่อว่าเราจะมีงานทำ ตอนแรกไปสมัครเป็นเสมียนรับจ้างพิมพ์ดีด กรอกใบสมัครเสร็จ ฝ่ายบุคคลอ่านแล้ว ถามว่าน้องสนใจมาทำฝ่ายบุคคลไหม พรุ่งนี้มาคุยกับเจ้านายเลยนะ เอ่อ...ใจเย็นครับ จริงๆตอนนั้นก็รู้สึกว่า งานที่นั่นยังไม่ใช่ แต่ก็ทำส่วนของเราเต็มที่ในการหางาน ผมมองว่าหากทำงานที่นั่นเรื่องอื่นๆในชีวิตดูยังไม่เข้ากันสนิทซักเท่าไหร่ ก็ขอพระเจ้าโปรดรีบสำแดงโดยด่วน ทันทีทันใดทันใจ คืนนั้น พี่โจ้ ก็ทักมาในเอ็ม ไอ้เราก็นึกว่าอะไร เห็นถามเรื่องเรียน ไปๆมาๆ ถึงรู้ว่าพี่โจ้ปรึกษาพี่ศรันย์ เรื่องหาคนไปทำงานกับบริษัทที่เขาทำอยู่ แต่เขาไม่แน่ใจว่าผมอยากจะทำงานไหมหรือจะอยากเรียนอย่างเดียว และเกรงว่าคนจะไม่เข้าใจ คิดว่า พี่โจ้ไปดึงตัวผมมาจากบริษัท

ใจจริงก็อยากจะเรียนอย่างเดียว แต่ก็รู้ว่าชีวิตทำอะไรได้มากกว่านั้น อีกทั้ง เรื่องการฝึกอบรมเป็นสายธุรกิจที่ผมสนใจอยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องเวลา และเงื่อนไขอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อได้คุยกับเจ้าของบริษัทและภรรยา ผมประทับใจในชีวิตและนิสัยเขามากทีเดียว (มาทราบภายหลังว่า ขิงก็รู้จักพี่สองคนนี้ แหม โลกนี้กลมดีแท้)
เมื่อได้คุยกันในรายละเอียด ซึ่งคงพูดละเอียดไม่ได้ แต่ธุรกิจนี้ ตั้งขึ้นมาบนจุดแข็งที่มี และเพื่อรองรับงานพันธกิจต่างประเทศ เราไม่ได้หวังกำไรเป็นกอบเป็นกำจากธุรกิจนี้ แต่ธุรกิจต้องอยู่รอดและมีกำไร ที่สำคัญคือ ทำให้คนไทยสามารถไปพันธกิจต่างประเทศ ได้อย่างดี มีงานทำ ดูแลตัวเองได้ ผมชอบแนวคิดจริงๆ
ขิงบอกว่า ถ้าผมได้แต่งงานกับคนที่ผมมองอยู่ตอนนี้ สามารถดูพี่ฮิม-พี่บี เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้อีกคู่หนึ่งเลยทีเดียว อืม... เห็นนิสัยเจ้บีแล้ว ก็พอจะเป็นไปได้ละมั้ง
เมื่อวันศุกร์พี่ฮิม พาไปดูโรงงาน แล้วก็เล่าเรื่องต่างๆให้ฟังว่าพระเจ้าอวยพรอย่างไร ใช้เวลาเพียง 5 ปี เท่านั้น น่าประหลาดใจว่า ผมเคยได้ยินเรื่อง ผลิตภัณฑ์เสื้อกันยุง ตั้งแต่สมัยเคยทำงานกับท่านผอ. สถาบันนวัตรกรรมแห่งชาติ บอกแล้ว โลกนี้กลมจริงๆนะครับ

101 สำหรับผมเหมือน สิ่งที่พระเจ้ามาพูดด้วยใน 3 นัย

1. เรื่องพื้นฐานสำคัญ ทุกวิชาเรียน วิชาแรก คือ 101 ไม่ว่าเราจะเก่งเพียงใด ต้องทำอะไรมากขนาดไหน อย่าลืมว่า เรื่องพื้นฐาน คือ เรื่องสำคัญ แล้วอะไรคือเรื่องพื้นฐาน “จงรักพระเจ้าสุดจิต สุดใจ สุดกำลัง สุดความคิด” และ “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง” เรื่องพื้นฐานที่สุด ที่จะทำให้เรา “ยอม” ทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า ทั้งสิ่งที่เราไม่อยากทำ และสิ่งที่เราอยากทำ โดยไม่ต้องมานั่งใช้เหตุผลไร้สาระ เข่น ถ้าไม่ทำแล้วจะไม่ดีที่สุด (อย่าเอาปัญญาง่อยๆมาสรุปความล้ำลึกของพระเจ้าได้ไหม พระเจ้าสอนให้เราอยู่ด้วยความเชื่อ ไม่ใช่อยู่ด้วยความกลัว เข้าใจไหม—แล้วพวกนั้น เขาจะได้เข้ามาอ่านไหมเนี่ย) เชื่อเถอะ คนที่อิ่มเอมในรักของพระเจ้า จะรักพระเจ้าแน่ จะรักตัวเองเป็น ดูแลตัวเองเป็น และจะรักคนอื่นเป็น ดูแลคนอื่นเป็น “รักพระเจ้าเยอะๆนะ” คือเรื่องพื้นฐานของชีวิตมนุษย์

2. ทำเกินร้อย มั่นใจได้เลยว่าปีหน้าสุดๆแน่ในทุกมิติของชีวิต ดูจากเรื่องต่างๆที่พาชีวิตตัวเองไปเกี่ยวข้อง ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ ที่ต้องฝึกฝนเพิ่ม ที่ต้องคิด ต้องทำ ต้องดำเนินงานให้มันเกิด กับสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญ ทั้งในชุมชนรอบข้างใกล้ตัวและในเวทีโลก ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนหนึ่งคนเดียว โดยเฉพาะคนอย่างผม ต้องใช้ฤทธิ์เดชพระเจ้ากันสุดๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น จะทำได้ขนาดไหน แต่ผมจะมุ่ง จะมั่น จะอด จะทน จะรับผิด จะรับชอบ จะใช้ทั้งหัวและใจใส่ลงไป จะมีชีวิต จะไม่ให้ใครมาหมิ่นประมาทความหนุ่มแน่น จะเป็นคนจริงของพระเจ้า ช่วยผมด้วยนะครับ พระองค์

3. การอวยพรเกินธรรมชาติ ปกติเรื่องก็จบที่ร้อยเต็ม แต่อีกหนึ่งที่เพิ่มมานี่แหล่ะ คือ สิ่งที่พิเศษ สิ่งต่างๆที่เราทำให้ลูกค้านั้น ใครๆก็ทำได้อย่างมากก็ได้ร้อยเท่ากัน แต่ความพิเศษที่เราเพิ่มให้อีกหนึ่ง นี่แหล่ะ จะเป็นสิ่งที่พิชิตใจลูกค้า ผมก็อธิบายไม่ถูก แต่มันคือความดีเลิศ ที่ลูกค้ามิอาจวัดได้จากสิ่งที่เห็นได้ด้วยตา ความพิเศษนี้ ถูกถ่ายทอดทางหัวใจ ทางสายตา น้ำเสียง อาการ คำพูด และจิตวิญญาณ นั่นคือ สิ่งที่เราทำอย่างสมกับเป็นลูกของพระเจ้า ทำทุกอย่างเหมือนทำถวายแด่พระเจ้า แล้วพระเจ้าจะทรงให้เกียรติผู้ที่ให้เกียรติพระองค์ แล้วจะรู้ว่า เวลาพระเจ้าให้อะไรเราแบบสุดๆหมดหน้าตัก เป็นความปรีเปรมดิ์ที่เราได้รับในฐานะลูก ผู้ที่พ่อบรรจงให้แบบไม่มีการสงวนสิ่งดีใดใดเหลือไว้อีกเลย

สิ่งหนึ่งที่พระเจ้าสัมผัสใจ คือ “ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นจะถูกสร้างเป็นคนใหม่ สิ่งสารพัดเก่าๆจะสลายไป กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งสิ้น” “ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์”

พระเจ้าครับ ขอให้ปี 2009 จะเป็นปีที่ผมจะได้เรียนรู้จักการ “อยู่ใน” พระคริสต์ มากขึ้นนะครับ ขอบคุณพระเจ้านะครับ สำหรับสิ่งใหม่ๆที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นอีก

ป.ล. เรื่องนี้ เพื่อเฉลิมฉลองเรื่องที่ 101 ของบล้อก ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเขียนมาได้ครบร้อยเรื่องแล้ว ขอบคุณมิตรรักแฟนบล้อกนะครับ ที่สู้อุตส่าห์ถ่างลูกกะตาอ่านความคิด ความรู้สึกของผม ผมไม่ชอบทำอะไรให้ใครเดือดร้อนหรือไม่สบายใจ (โดยไม่จำเป็น) เพราะฉะนั้น ที่นี่ก็จะเป็นที่ที่ผมเป็นตัวเองได้เต็มที่ ถ้าท่านแวะเข้ามาอ่าน ก็ไม่ต้องแปลกใจในสิ่งที่ผมเป็นนะครับ ขอบคุณมากครับที่ใส่ใจชีวิตของผม เม้นท์ไว้บ้างนะครับ ผมจะได้รู้จักคนอ่านมากขึ้นด้วยเช่นกัน ขอบคุณ “บะหมี่เย็น” นะครับ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบล้อกนี้ขึ้นมา ผมชอบวิธีที่คุณยิ้มจริงๆ ผมอยากเห็นคุณยิ้มอย่างนั้นอีก อยากเห็นคนทั้งโลกยิ้มอย่างนั้น ถ้าผมทำได้ โลกนี้คงไม่ต่างจากสวรรค์บนดินแน่ๆ

สุดท้าย ขอบคุณพระเจ้านะครับ นับตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ พระองค์ยังเป็นเพื่อนผมเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ขอบคุณจริงๆที่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน ไม่ว่าผมจะเลวอย่างไร ขอบคุณที่ทรงเอ็นดูผมเสมอ ผมรู้สึกตัวเองเป็นลูกคนโปรดจริงๆนะ ขอบคุณทุกคำตอบสำหรับทุกคำถามจากคนช่างสงสัยอย่างผม ขอบคุณทุกการยืนยันสำหรับคนความเชื่อยังไม่มากอย่างผม ขอบคุณสำหรับทุกความจริงสำหรับคนรักเสรีภาพอย่างผม ขอบคุณสำหรับทุกความเข้าใจที่ทำให้ผมเติบโตขึ้น และขอบคุณ... ที่ทรงรักผม อย่างที่ผมเป็น โดยไม่มีเงื่อนไขข้อแม้ใด ขอบคุณมากครับ ผมรักพระเจ้านะครับ

No comments:

Post a Comment