เมื่อวานซืน...
'tist แตกมาก เดินๆอยู่ เห็นฟ้าสวยๆ ลมเย็นๆ ฮัมเพลงเบาๆ "ลมที่โชยพัดต้นหญ้าใบไม้ปลิว แดดที่อ่อนใส หอมกลิ่นของวันใหม่..." นึกถึงใครบางคน น้ำตาคลอซะงั้น... นึกถึงใครอีกคน คนที่เคยบอกว่า อาการนี้ส่อว่าเรากำลัง in love with คนนั้น
ตกค่ำ ไม่มีแรลลี่ ไม่มีร้องเพลง (แล้วเมื่อวาน ตรูทำไปเพื่ออะไรฟระ แบกหนังสือเพลงไปทำไม วุ่นวายด้วยความหวังดีเกินไปหรือเปล่า เรื่องเชียงใหม่ก็ทีนึงละ) ที่สำคัญ ก็ยังเป็นอีกปีหนึ่ง ที่ไม่ได้ถ่ายรูปตามเคย บอกไปใครจะเชื่อว่าผมไม่เคยมาเดินเที่ยวดูไฟถ่ายรูป (จริงๆ เคยมาครั้งนึง ตอนนั้นเรียนถ่ายรูปอยู่ ผมส่งเรื่องจากภาพก่อนจบด้วยหัวข้อ "Bangkok's night life" ได้ B+ มั้งถ้าจำไม่ผิด)
แต่ก็ยังดี สุดท้ายของวัน ก็ยังแอบได้รับกำลังใจอยู่บ้าง น้ำหยดนิดหนึ่งน้อยลงผืนทราย ย่อมค่าล้ำอนันต์... (เว่อร์จริง!!)
เมื่อวาน...
คริสต์มาสที่เงียบเหงา เดิมๆไม่เคยเปลี่ยน ยิ่งตอนเย็นมีชั้นสร้างทีมงาน ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดกว่าคนอื่นเข้าไปใหญ่ ผมไม่อยากเลือกนาย แต่นายที่ดีย่อมทำให้ผมผงาดได้เต็มศักยภาพ เคยอ่านสามก๊กไหม เข้าใจคำว่า มังกรหลับ หรือเปล่า
ที่สำคัญ ผมรู้ตัว ว่าผมคิดอะไรอยู่ ผมเข้าใจตัวเองว่าผมเป็นคนอย่างไร ผมยึดถือความจริงและความถูกต้องมากกว่าความสัมพันธ์ผูกพันกับคน คนเดียวที่ผมจะไม่ทิ้งเลย คือ ภรรยาของผม คนเดียวในโลกที่จะมีผลทำให้ผมเปลี่ยนจุดยืนได้เพราะเห็นแก่เธอ แม้เธอต้องตาย เธอก็จะตายในอ้อมกอดของผม ผมเองก็มีนิมิตที่ตั้งใจ อยากจะทำให้เสร็จในช่วงชีวิตของผม แต่หากไม่เสร็จก็ขอบคุณพระเจ้า ผมไม่เคยกลัวงานไม่เสร็จ งานของพระเจ้า พระองค์ดูแลอยู่ ผม(พวกเรา)เป็นอุปกรณ์ของพระเจ้า ทุกอย่างมีวาระอยู่ ผมเชื่ออย่างนี้ คนเราต้องเคารพความคิดของกันและกัน ใช่ไหม
วันนี้...
ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ให้รู้สึกว่าถูกแกล้งด้วยความผิดพลาดคลาดเคลื่อนเล็กๆน้อยๆ แต่ชวนให้หงุดหงิดใจไม่น้อยเลย ตอนยืนรอรถกลับบ้าน ฝนตกพรำๆปะทะใบหน้าพร้อมลมหนาวๆ เออ มันเหงาจริงๆ เรานี่ไม่เหลือเพื่อนคนที่เราจะคุยกับเขาได้ทุกเรื่องจริงๆซะแล้ว เราไม่เห็นมีคนที่จะรู้จักเข้าใจเราจริงๆเลย ผมเคยคิดว่า เมื่อเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆคงดี เราจะเข้าใจคน เข้าใจเรื่องต่างๆดีขึ้น อนิจจา ยิ่งโตขึ้น ยิ่งเห็นตัวตนคนอื่น ยิ่งเข้าใจเขา เขายิ่งไม่เข้าใจเรา ยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง ชีวิตในความรักและความจริงของพระเจ้า คงต้องโตกว่านี้ หรือถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเติบโตแล้วดีไหม ขอแค่เป็นคนธรรมดา มีคนรักใคร่ มีความจริงใจให้คนอื่น เท่านี้คงพอ... ความคิดสุดท้าย คือ ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตไปทำไม ชีวิตที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว มันทรมาน
ถ้าบอกว่า ไม่เคยมีแฟน จะเชื่อไหม เป็นแฟนกันนี่ เขาเป็นกันอย่างไรเหรอ ไม่รู้สิ ไม่เคยมี จะว่าไปก็รู้ตัวว่า สำหรับผม การมีชีวิตอยู่ลำพังคนเดียวนั้น ผมก็คงไปได้ไม่ไกลเกินนี้เท่าไหร่หรอก ผมรู้จักตัวเองดี แต่ก็จะไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไหวละนะ
ตอนนั่งรถกลับบ้านเปิดวิทยุฟัง เพลงที่เปิด ประกอบกับ MV จากชีวิตจริงของคนรอบข้าง ช่างสร้างอารมณ์เหงา ได้ลึกซึ้งดีแท้
สุ่มเพลงนมัสการมาฟัง... โดนซะ แล้วก็กลับใจ ยังงัยก็จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป จนกว่าพระเจ้าจะกรุณา ในทางใดทางหนึ่ง
สุดท้ายมานั่งอ่านแผนชีวิตของน้องคนนึง นั่นสินะ เราลืมความฝันของเราไปได้อย่างไรกัน ขอบคุณนะ ที่ช่วยเตือนใจ แล้วที่เขียนๆไว้ล่ะ if not you, WHO. if not now, WHEN.
จริงๆจะเรียกว่า อยู่คนเดียวมาได้ตั้งเกือบสามสิบปีแล้ว ก็คงจะได้ ทนอีกหน่อยเดียว ก็คงจะผ่านไปอีกสามสิบปี ยังงัยซะ เวลาก็ไม่เคยหยุดเดินอยู่แล้ว ไม่รอละคู่อุปถัมภ์ จะมาเมื่อไหร่ก็มานะ อย่างมากก็แค่ล้มเหลว ให้รู้กันไปว่าทำไม่ได้ แต่อย่างน้อย ก็ได้ลงมือทำ วันสุดท้ายก็คงจะกล้าสู้หน้าพระเจ้าว่า ผมใช้ทั้งหมดที่ผมเป็น ที่ผมมี ผมทำเต็มที่ ดีที่สุดแล้ว
Lord, i'm doing all i can... to be a better man. หนึ่งในเพลงที่แว่วมาจากวิทยุ
... พระเจ้าครับ ขอพระองค์ทรงอวยพระพรแก่ข้าพระองค์ และขยายเขตแดนของข้าพระองค์ และขอพระหัตถ์ของพระองค์ อยู่กับข้าพระองค์ และขอพระองค์ทรงรักษาข้าพระองค์จากเหตุร้าย เพื่อมิให้ข้าพระองค์เจ็บใจปวดกาย... ขอพระเจ้าทรงตอบผมดั่งที่พระองค์เคยตอบยาเบสด้วยนะครับ เอเมน
พระเจ้านับไว้ค่ะพี่
ReplyDeleteเชื่อดิ